รายงานจากคณะกรรมการปกครองปี 2025 ตอน 6
Video
Other languages
Share text
Share link
Show times
Hide times
00:00:01
สวัสดีครับ!00:00:03
00:00:03
เรามีหลายเรื่องที่น่ายินดี00:00:06
00:00:06
อยากจะเล่าให้คุณฟัง00:00:08
00:00:08
อย่างที่บอกในรายงานตอนที่แล้ว00:00:11
00:00:11
เราจัดการประชุมพิเศษ 2 แห่ง00:00:13
00:00:13
ที่ฮาราเร ซิมบับเว00:00:16
00:00:16
และอีกแห่งที่โคลัมโบ ศรีลังกา00:00:19
00:00:19
ทั้ง 2 แห่งนี้00:00:21
00:00:21
มีผู้เข้าร่วมรวมกันสูงสุด00:00:23
00:00:23
มากกว่า 64,600 คน00:00:26
00:00:26
และมี 1,330 คนรับบัพติศมา00:00:30
00:00:31
และมีตัวแทนมาจาก 20 กว่าประเทศ00:00:34
00:00:34
มากกว่า 7,000 คน00:00:36
00:00:37
เริ่มตั้งแต่ปี 202600:00:40
00:00:40
การประชุมใหญ่ของเราที่เคยเรียกว่า00:00:42
00:00:42
“การประชุมพิเศษ”00:00:44
00:00:44
จะเปลี่ยนเป็น00:00:45
00:00:45
“การประชุมนานาชาติ” ครับ00:00:48
00:00:48
เราจะมีการประชุมนานาชาติทุกปี00:00:51
00:00:51
ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่00:00:54
00:00:54
และเหมือนที่บอกในรายงานตอนที่แล้ว00:00:57
00:00:57
ในปี 202600:00:59
00:00:59
เราจะจัดการประชุมนานาชาติ00:01:02
00:01:02
19 แห่งทั่วโลกครับ00:01:05
00:01:05
ตัวแทนจากประเทศต่างๆ00:01:08
00:01:08
จะได้ทำงานประกาศ00:01:10
00:01:10
คบหากับพี่น้องในท้องถิ่น00:01:13
00:01:13
และทำกิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆครับ00:01:17
00:01:18
และเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 202500:01:21
00:01:21
เราได้เปิดพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่00:01:24
00:01:24
ที่สาขายุโรปกลาง00:01:26
00:01:26
ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเซลเทอร์ส00:01:28
00:01:28
ประเทศเยอรมนี00:01:30
00:01:30
ให้เราดูด้วยกันครับ!00:01:32
00:01:32
จุดเด่นของศูนย์สำหรับเยี่ยมชมคือ00:01:34
00:01:34
พิพิธภัณฑ์คัมภีร์ไบเบิล00:01:36
00:01:36
ที่มีชื่อเรื่องว่า00:01:38
00:01:38
“ความสว่างเกิดขึ้น00:01:40
00:01:40
—ประวัติของคัมภีร์ไบเบิลในเยอรมัน”00:01:42
00:01:42
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้บอกเล่าเรื่องราว00:01:45
00:01:45
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ของคัมภีร์ไบเบิลภาษาเยอรมัน 00:01:48
00:01:48
และความพยายามของผู้แปล00:01:50
00:01:50
ผู้ที่มาเยี่ยมชมจะได้เห็น
คัมภีร์ไบเบิลที่หายากและน่าสนใจ00:01:55
00:01:55
ที่ผลิตในช่วงแรกๆ
ของการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิล 00:01:58
00:01:58
เขาจะได้เห็นเรื่องราวของการพิมพ์00:02:00
00:02:00
คัมภีร์ไบเบิลในช่วงแรกๆที่เป็นภาษาลาติน00:02:03
00:02:03
และต่อมาได้เริ่มพิมพ์เป็นภาษาเยอรมัน 00:02:06
00:02:06
พิพิธภัณฑ์นี้ยังทำให้เห็นว่า00:02:08
00:02:08
การพิมพ์และแจกจ่ายคัมภีร์ไบเบิลภาษาเยอรมัน00:02:12
00:02:12
ได้กระตุ้นให้มีการผลิตคัมภีร์ไบเบิล
ภาษาอื่นๆในยุโรปด้วย00:02:16
00:02:17
นอกจากนั้น00:02:18
00:02:18
สำนักข่าวท้องถิ่นยังทำข่าวเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์นี้00:02:22
00:02:22
และพูดถึงประโยชน์ด้วย00:02:24
00:02:24
เราขอเชิญคุณมาเยี่ยมชม
พิพิธภัณฑ์ใหม่ของเรา00:02:27
00:02:27
ที่สาขายุโรปกลาง00:02:29
00:02:29
คุณสามารถขอจองทัวร์ได้ทางเว็บไซต์ jw.org00:02:34
00:02:35
เราที่เป็นพยานพระยะโฮวา00:02:38
00:02:38
เรามองว่าคัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่แค่หนังสือดีๆ00:02:42
00:02:42
ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์00:02:44
00:02:44
แต่เป็นหนังสือที่มาจากพระเจ้า00:02:47
00:02:47
เราต้องพึ่งการชี้นำ
จากพระยะโฮวาในคัมภีร์ไบเบิล00:02:50
00:02:50
เหมือนที่เราต้องการอาหาร00:02:53
00:02:53
เสื้อผ้า00:02:54
00:02:54
และที่อยู่อาศัย00:02:56
00:02:56
พระยะโฮวาสร้างเรามาแบบนี้ครับ00:02:59
00:02:59
พระเยซูพูดถึงความจริงเรื่องนี้00:03:02
00:03:02
ในแบบที่เข้าใจง่าย00:03:03
00:03:03
แต่ก็เต็มไปด้วยพลัง00:03:05
00:03:05
ไว้ที่มัทธิว 5:300:03:07
00:03:07
“คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าก็มีความสุข00:03:13
00:03:13
เพราะรัฐบาลสวรรค์เป็นของเขา”00:03:16
00:03:16
เพื่อจะมีความสุขแท้00:03:18
00:03:18
เราต้องรู้ตัวว่าเราจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า00:03:21
00:03:21
และพยายามใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น00:03:24
00:03:25
แต่การรู้ตัวว่า “จำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า”00:03:28
00:03:28
หมายถึงอะไรครับ?00:03:30
00:03:30
ในภาษากรีก00:03:32
00:03:32
คำนี้ถ่ายทอดแนวคิดของคนที่ยากจน00:03:36
00:03:36
หรือเป็นขอทานทางความเชื่อ00:03:39
00:03:40
ลองนึกภาพคนที่ใส่เสื้อขาดๆนั่งอยู่ริมถนน00:03:44
00:03:44
เขาหมดแรงเพราะไม่ได้กินอาหาร00:03:46
00:03:46
ต้องเจอกับอากาศร้อนอากาศหนาว00:03:49
00:03:49
เขาร้องขอให้คนอื่นช่วย00:03:51
00:03:51
เพื่อตัวเขาจะมีชีวิตอยู่00:03:54
00:03:55
เราได้เรียนอะไรครับ?00:03:56
00:03:56
คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า00:03:59
00:03:59
จะรู้ว่าตัวเอง00:04:01
00:04:01
ต้องการความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา00:04:04
00:04:04
และทำทุกอย่างเพื่อจะได้ความช่วยเหลือนั้น00:04:07
00:04:08
แล้วเราต้องมีคุณลักษณะอะไรบ้าง00:04:12
00:04:12
เพื่อจะรู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า00:04:15
00:04:15
ให้เรามาดูเรื่องของผู้หญิงชาวฟีนิเซียด้วยกัน00:04:19
00:04:20
เรื่องราวนี้อยู่ที่มัทธิว 15:22-28 ครับ00:04:26
00:04:26
ให้เราสังเกตท่าทีของเธอ00:04:29
00:04:29
ตอนที่เข้าไปหาพระเยซูและคุยกับท่าน00:04:32
00:04:32
ที่นั่นบอกว่า 00:04:33
00:04:33
มีผู้หญิงชาวฟีนิเซียคนหนึ่ง00:04:35
00:04:35
จากแถบนั้นมาหาพระเยซู00:04:38
00:04:38
และร้องอ้อนวอนว่า00:04:40
00:04:40
“ท่านผู้เป็นลูกหลานดาวิด00:04:42
00:04:43
ขอเมตตาดิฉันด้วย00:04:45
00:04:45
ลูกสาวของดิฉันถูกปีศาจสิง00:04:48
00:04:48
เธอเจ็บปวดทรมานมาก”00:04:50
00:04:50
แต่พระเยซูไม่ตอบเธอเลยสักคำ00:04:54
00:04:54
พวกสาวกเข้ามาบอกท่านว่า00:04:56
00:04:56
“ไล่เธอไปเถอะ00:04:58
00:04:58
เพราะเธอตะโกนตามตื๊อเราไม่หยุด” 00:05:00
00:05:00
พระเยซูบอกว่า00:05:02
00:05:02
“พระเจ้าส่งผมมาหาเฉพาะคนอิสราเอลเท่านั้น00:05:06
00:05:06
พวกเขาเป็นเหมือนแกะที่หลงหาย”00:05:09
00:05:09
แต่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาคำนับท่าน และบอกว่า00:05:12
00:05:12
“นายท่าน ช่วยดิฉันด้วยเถอะ”00:05:16
00:05:15
พระเยซูพูดว่า 00:05:17
00:05:17
“มันไม่ถูกหรอกนะ00:05:19
00:05:19
ที่จะเอาอาหารของลูกๆไปโยนให้ลูกหมา” 00:05:22
00:05:22
เธอบอกว่า00:05:24
00:05:24
“จริงค่ะท่าน00:05:25
00:05:25
แต่ลูกหมาก็ยังได้กินเศษอาหาร00:05:28
00:05:28
ที่ตกจากโต๊ะของนายมันไม่ใช่หรือคะ?”00:05:31
00:05:31
พระเยซูจึงตอบผู้หญิงคนนั้นว่า 00:05:34
00:05:34
“คุณนี่มีความเชื่อมากจริงๆ00:05:37
00:05:37
ให้เป็นไปตามที่คุณขอเถอะ”00:05:40
00:05:40
แล้วตอนนั้นเอง00:05:41
00:05:41
ลูกสาวของเธอก็หายเป็นปกติ”00:05:44
00:05:45
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนต่างชาติ00:05:47
00:05:47
เป็นคนฟีนิเซีย00:05:49
00:05:49
แต่เธอเข้าไปอ้อนวอนพระเยซู00:05:52
00:05:52
ขอให้ท่านช่วย 00:05:54
00:05:54
เธอบอกว่า “ขอเมตตาดิฉันด้วย”00:05:57
00:05:57
ตอนแรกท่านไม่ตอบ00:05:59
00:05:59
แต่ต่อมา00:06:01
00:06:01
ท่านบอกว่า00:06:02
00:06:02
‘ท่านถูกส่งมาเพื่อช่วยคนอิสราเอลเท่านั้น’ 00:06:05
00:06:05
และท่าน00:06:07
00:06:07
ยังใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบ00:06:09
00:06:09
เพื่อเปรียบว่าเธอเป็นเหมือนลูกหมาด้วย00:06:13
00:06:13
ถ้าเป็นคุณ00:06:14
00:06:14
คุณจะรู้สึกยังไง?00:06:15
00:06:15
คุณจะรู้สึกโดนดูถูก00:06:18
00:06:18
แล้วก็เลิกขอไปเลยไหม?00:06:20
00:06:20
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ทำอย่างนั้นครับ00:06:22
00:06:22
เธอแสดงคุณลักษณะที่ดี 3 อย่าง00:06:25
00:06:25
ที่ช่วยให้เราเห็นว่า00:06:27
00:06:27
เราจะใกล้ชิดพระเจ้าได้ยังไง00:06:31
00:06:31
คือ 1 ถ่อมตัว00:06:33
00:06:34
2 ไม่ยอมแพ้00:06:36
00:06:36
และ 3 มีความเชื่อ00:06:38
00:06:39
เพราะเธอถ่อม 00:06:40
00:06:40
เธอเลยไม่เถียงหรือโกรธพระเยซู00:06:44
00:06:44
เธอรู้ว่าเธอไม่คู่ควร00:06:46
00:06:46
แต่ก็ยังร้องขอความเมตตาจากพระเยซู00:06:50
00:06:51
เธอไม่ยอมแพ้00:06:53
00:06:53
เธอยังขอต่อไป00:06:55
00:06:55
ถึงแม้พวกสาวกจะบอกพระเยซูให้ “ไล่เธอไป”00:07:00
00:07:00
และเธอมีความเชื่อเข้มแข็ง00:07:03
00:07:03
เธอเชื่อว่าถ้าได้รับความสนใจจากพระเยซูแค่เพียงเล็กน้อย00:07:09
00:07:09
เหมือนได้รับ “เศษอาหาร”00:07:11
00:07:11
ก็สามารถช่วยเธอได้00:07:13
00:07:14
พระเยซูประทับใจมาก00:07:16
00:07:16
ที่เห็นว่าเธอมีความเชื่อมากขนาดนี้ 00:07:20
00:07:20
ท่านเลยรักษาลูกสาวของเธอ00:07:23
00:07:23
ถึงแม้เธอจะไม่ใช่ชาวอิสราเอล00:07:27
00:07:27
เรื่องนี้สอนเราว่า00:07:30
00:07:30
พระยะโฮวากับพระเยซู00:07:33
00:07:33
อยากจะช่วยคนที่รู้ตัวว่า00:07:36
00:07:36
จำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า00:07:38
00:07:38
เหมือนกับผู้หญิงชาวฟีนิเซีย00:07:41
00:07:41
เราต้องพยายาม00:07:42
00:07:42
ถ่อมตัว00:07:44
00:07:44
ไม่ยอมแพ้00:07:46
00:07:46
และมีความเชื่อ00:07:48
00:07:49
ก่อนหน้านี้00:07:50
00:07:50
เราเปรียบความจำเป็นที่ต้องพึ่งพระเจ้า00:07:54
00:07:54
เหมือนกับที่เราต้องการอาหาร00:07:57
00:07:57
เสื้อผ้า00:07:58
00:07:58
และที่อยู่อาศัย00:08:00
00:08:01
แล้วเราจะได้อาหาร00:08:03
00:08:03
เสื้อผ้า00:08:04
00:08:04
และที่อยู่อาศัยด้านความเชื่อยังไง00:08:07
00:08:07
ดูด้วยกันว่าพระยะโฮวาให้สิ่งเหล่านี้กับเรายังไง?00:08:12
00:08:12
อย่างแรก00:08:13
00:08:13
อาหารทางความเชื่อ00:08:16
00:08:17
ก่อนพระเยซูจะกลับไปสวรรค์00:08:20
00:08:20
ท่านบอกเปโตรว่า00:08:22
00:08:22
‘ให้เลี้ยงแกะตัวเล็กๆของผม’00:08:24
00:08:24
เปโตรทำตามนั้น00:08:27
00:08:27
และพระยะโฮวายังใช้เขา00:08:30
00:08:30
ให้เขียนจดหมาย 2 ฉบับ00:08:32
00:08:32
ในคัมภีร์ไบเบิลด้วย00:08:33
00:08:34
ถึงแม้เปโตรจะสอนคนอื่น00:08:37
00:08:37
แต่ตัวเขาเอง00:08:39
00:08:39
ก็ต้องกินอาหารที่เสริมความเชื่อด้วย00:08:41
00:08:41
ตัวอย่างเช่น00:08:43
00:08:43
เปโตรศึกษาจดหมายฉบับต่างๆ00:08:46
00:08:46
ที่เปาโลได้รับการดลใจให้เขียน00:08:49
00:08:49
แล้วเขาก็ยอมรับว่า00:08:53
00:08:52
บางเรื่องที่เปาโลเขียน00:08:55
00:08:55
ก็เข้าใจยาก00:08:57
00:08:57
แต่น่าดีใจ00:08:59
00:09:00
ที่เปโตรไม่ยอมแพ้00:09:03
00:09:03
เขาเชื่อว่า00:09:04
00:09:04
พระยะโฮวาจะช่วยเขาให้เข้าใจ00:09:08
00:09:08
อาหารแข็งในคัมภีร์ไบเบิล00:09:10
00:09:10
และเอาไปใช้ในชีวิตได้00:09:13
00:09:14
เหมือนกับเปโตร00:09:16
00:09:16
เราต้องศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ00:09:20
00:09:21
เราต้องพัฒนาให้ตัวเองอยากกินอาหารแข็ง00:09:26
00:09:26
ที่ตอนแรกอาจจะเข้าใจยาก00:09:29
00:09:29
แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลา00:09:32
00:09:32
และความพยายาม00:09:33
00:09:33
แต่มันก็คุ้มค่า00:09:35
00:09:35
การทำอย่างนี้00:09:36
00:09:36
จะช่วยให้เรารักพระยะโฮวามากขึ้น00:09:39
00:09:39
และกระตุ้นเรา00:09:41
00:09:41
ให้บอกคนอื่นเกี่ยวกับพระองค์00:09:44
00:09:44
แล้วเสื้อผ้าทางความเชื่อล่ะ?00:09:47
00:09:49
ที่โคโลสี 3:9, 1000:09:52
00:09:52
เปาโลเขียนว่า00:09:53
00:09:53
‘ให้ทิ้ง00:09:54
00:09:54
หรือถอดลักษณะนิสัยเก่ากับสิ่งต่างๆที่เคยทำ00:09:58
00:09:58
แล้วปลูกฝังหรือสวมใส่ลักษณะนิสัยใหม่’00:10:02
00:10:02
เปาโลทำอย่างนั้นครับ 00:10:04
00:10:05
ก่อนจะมาเป็นคริสเตียน00:10:07
00:10:07
เขาเป็นคนที่อารมณ์ร้อน00:10:09
00:10:10
กิจการ 9:1 บอกว่า00:10:13
00:10:13
เขาโกรธพวกสาวกของพระเยซูมาก00:10:17
00:10:17
จนถึงกับ “ข่มขู่” 00:10:20
00:10:20
และอยากจะฆ่าพวกเขา00:10:22
00:10:22
แต่หลังจากที่เซาโล00:10:24
00:10:24
ได้เห็นนิมิตเกี่ยวกับพระเยซู00:10:27
00:10:27
เขาก็สำนึกผิดและกลับใจ00:10:29
00:10:29
แต่เขาไม่ได้หยุดแค่นั้น00:10:32
00:10:32
เปาโลฝึกฝนหรือทุบตีร่างกายอย่างหนัก00:10:35
00:10:35
และสู้กับความไม่สมบูรณ์ของตัวเอง 00:10:37
00:10:37
และพระยะโฮวาช่วยให้เปาโล00:10:41
00:10:41
ทิ้งนิสัยที่ไม่ดีได้00:10:43
00:10:43
แล้วเปาโลก็ได้สวมใส่ลักษณะนิสัยใหม่ที่ดีแทน00:10:48
00:10:49
เราก็ต้องทำแบบนั้นด้วย 00:10:51
00:10:51
ไม่ว่าเราจะรับใช้พระยะโฮวามานานแค่ไหน 00:10:55
00:10:55
เราก็ต้องปรับปรุงนิสัยของตัวเองอยู่เรื่อยๆ00:10:58
00:10:58
แต่บางครั้งเราอาจรู้สึกท้อ00:11:01
00:11:01
เพราะคิดว่า00:11:02
00:11:02
เราได้ทิ้งนิสัยที่ไม่ดีไปหมดแล้ว00:11:06
00:11:05
แต่ปรากฏว่านิสัยไม่ดีบางอย่าง00:11:09
00:11:09
ที่เราพยายามทิ้ง00:11:12
00:11:12
มันก็กลับมาอีก 00:11:14
00:11:14
ถ้างั้นเราควรทำยังไง?00:11:17
00:11:17
เราต้องพยายามถอดมันออก00:11:19
00:11:19
และพยายามสวมใส่นิสัยใหม่ที่ดีแทน00:11:23
00:11:23
ถ้าทำแบบนี้00:11:24
00:11:24
พระยะโฮวาก็จะช่วยให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นได้00:11:29
00:11:30
เพื่อจะมีความสุขแท้00:11:32
00:11:32
นอกจากอาหาร00:11:33
00:11:33
และเสื้อผ้าทางความเชื่อแล้ว00:11:36
00:11:36
เราต้องมีอีกอย่างหนึ่งด้วย00:11:38
00:11:38
คือเราต้องมี00:11:39
00:11:39
ที่อยู่อาศัยทางความเชื่อ00:11:43
00:11:43
กษัตริย์ดาวิดพูดถึงเรื่องนี้ไว้ในสดุดี 27:500:11:48
00:11:48
ดาวิดพูดถึงพระยะโฮวาไว้ว่า00:11:51
00:11:51
“เพราะในวันที่เจอหายนะ00:11:54
00:11:54
พระองค์จะซ่อนผมไว้ในที่กำบังของพระองค์00:11:59
00:11:59
พระองค์จะซ่อนผมไว้ในเต็นท์ลับของพระองค์00:12:02
00:12:02
พระองค์จะเอาตัวผมไปไว้บนหินผา”00:12:07
00:12:07
เมื่อดาวิดเชื่อฟังพระยะโฮวา00:12:10
00:12:10
พระองค์ก็ปกป้องเขา00:12:12
00:12:12
และช่วยให้เขาตัดสินใจอย่างฉลาด00:12:15
00:12:16
แต่พอดาวิดไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา00:12:19
00:12:19
พระองค์ก็ไม่ปกป้องเขาจากสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้น00:12:24
00:12:24
เราเลียนแบบดาวิดได้โดยอธิษฐาน00:12:27
00:12:27
และหาคำแนะนำจากพระยะโฮวาก่อนจะตัดสินใจ00:12:32
00:12:32
บางครั้งเราอาจเจอปัญหา00:12:35
00:12:35
แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะพระยะโฮวาไม่ปกป้อง00:12:39
00:12:39
แต่เป็นเพราะเราตัดสินใจไม่ดีเอง00:12:43
00:12:44
และก็อาจมีบางครั้ง00:12:46
00:12:46
ที่เราก็เชื่อฟัง00:12:48
00:12:48
แต่ก็ยังเจอปัญหา00:12:50
00:12:50
เราจะทำยังไงครับ?00:12:52
00:12:52
เราต้องอธิษฐาน00:12:54
00:12:54
ระบายสิ่งที่อยู่ในใจให้พระยะโฮวาฟัง00:12:57
00:12:57
แล้วพระยะโฮวาทำยังไงครับ?00:12:59
00:12:59
พระองค์จะปกป้องหัวใจและความคิดของเรา00:13:04
00:13:04
พระองค์จะปกป้องเรา00:13:06
00:13:06
ไว้จากอะไรก็ตาม00:13:08
00:13:08
ที่ทำลายความเชื่อของเรา00:13:11
00:13:12
เราขอบคุณพระยะโฮวาจริงๆ00:13:15
00:13:15
ที่จัดเตรียมให้เรามีอาหาร 00:13:17
00:13:17
เสื้อผ้า00:13:18
00:13:18
และที่อยู่อาศัยทางความเชื่อ00:13:20
00:13:20
เราขอบคุณพระยะโฮวา00:13:23
00:13:23
ที่ให้เรามีทุกอย่างที่จำเป็น 00:13:26
00:13:26
เพื่อจะมีชีวิตอยู่00:13:28
00:13:28
และมีความสุขแท้00:13:30
00:13:30
จำที่พระเยซูบอกในมัทธิว 5:3 ไว้นะครับ00:13:34
00:13:34
“คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าก็มีความสุข”00:13:39
00:13:39
เพื่อช่วยให้เราจำได้ว่า00:13:41
00:13:41
เคล็ดลับของความสุขแท้คืออะไร00:13:44
00:13:44
เราได้เลือก มัทธิว 5:300:13:47
00:13:47
ให้เป็นข้อคัมภีร์ประจำปีของปี 2026 ครับ00:13:52
00:13:52
เราอยากจะจำข้อคัมภีร์นี้ให้ขึ้นใจ00:13:57
00:13:57
“คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าก็มีความสุข”00:14:03
00:14:03
และเราตื่นเต้นที่จะประกาศว่า00:14:06
00:14:06
มีเพลงจากมิวสิควีดีโอออกใหม่00:14:08
00:14:08
ที่อาศัยมัทธิว 5:300:14:11
00:14:11
ที่ชื่อว่า00:14:12
00:14:12
“ฉันต้องพึ่งพระเจ้า” 00:14:15
00:14:15
เนื้อหาของเพลงใหม่นี้00:14:17
00:14:17
พูดถึงความรู้สึกของเรา00:14:20
00:14:20
ที่อยากทำให้ความเชื่อของตัวเองเข้มแข็ง00:14:23
00:14:23
และสนิทกับพระยะโฮวา 00:14:26
00:14:27
เรารอคอยที่จะร้องเพลงใหม่นี้ด้วยกันกับพี่น้อง00:14:31
00:14:31
ในการประชุมประจำปีที่กำลังจะมาถึง00:14:35
00:14:36
เพลงนี้จะเป็นเพลงหมายเลข 162 00:14:40
00:14:40
ในหนังสือเพลงของเรา00:14:42
00:14:42
และเพลงนี้มีให้ดาวน์โหลดแล้ว00:14:45
00:14:45
ในภาษาอังกฤษ00:14:47
00:14:47
และในบางภาษา00:14:49
00:14:50
สำหรับภาษาอื่นๆที่ยังไม่มี00:14:53
00:14:53
ก็จะค่อยๆออกตามมาทีหลังครับ00:14:56
00:14:56
พี่น้องครับ00:14:58
00:14:58
ขอให้จำไว้ว่า00:14:59
00:14:59
เพื่อเราจะเป็นคนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า00:15:03
00:15:03
เราต้องถ่อมตัวไม่ยอมแพ้00:15:06
00:15:06
และมีความเชื่อเข้มแข็ง00:15:09
00:15:09
ในพระยะโฮวาพระเจ้าของเรา00:15:12
00:15:12
ถ้าเรามีคุณลักษณะทั้ง 3 อย่างนี้00:15:15
00:15:15
พระยะโฮวาก็จะช่วยให้เราสนิทกับพระองค์00:15:20
00:15:20
และเราจะมีความสุขอย่างแท้จริง00:15:25
00:15:26
พี่น้องที่รัก00:15:28
00:15:28
เราอยากให้คุณรู้ว่าเรารักพวกคุณมากจริงๆ00:15:33
00:15:33
และนี่คือรายการโทรทัศน์ JW 00:15:37
00:15:36
จากสำนักงานใหญ่ของพยานพระยะโฮวา00:15:40
รายงานจากคณะกรรมการปกครองปี 2025 ตอน 6
-
รายงานจากคณะกรรมการปกครองปี 2025 ตอน 6
สวัสดีครับ!
เรามีหลายเรื่องที่น่ายินดี
อยากจะเล่าให้คุณฟัง
อย่างที่บอกในรายงานตอนที่แล้ว
เราจัดการประชุมพิเศษ 2 แห่ง
ที่ฮาราเร ซิมบับเว
และอีกแห่งที่โคลัมโบ ศรีลังกา
ทั้ง 2 แห่งนี้
มีผู้เข้าร่วมรวมกันสูงสุด
มากกว่า 64,600 คน
และมี 1,330 คนรับบัพติศมา
และมีตัวแทนมาจาก 20 กว่าประเทศ
มากกว่า 7,000 คน
เริ่มตั้งแต่ปี 2026
การประชุมใหญ่ของเราที่เคยเรียกว่า
“การประชุมพิเศษ”
จะเปลี่ยนเป็น
“การประชุมนานาชาติ” ครับ
เราจะมีการประชุมนานาชาติทุกปี
ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่
และเหมือนที่บอกในรายงานตอนที่แล้ว
ในปี 2026
เราจะจัดการประชุมนานาชาติ
19 แห่งทั่วโลกครับ
ตัวแทนจากประเทศต่างๆ
จะได้ทำงานประกาศ
คบหากับพี่น้องในท้องถิ่น
และทำกิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆครับ
และเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2025
เราได้เปิดพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่
ที่สาขายุโรปกลาง
ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเซลเทอร์ส
ประเทศเยอรมนี
ให้เราดูด้วยกันครับ!
จุดเด่นของศูนย์สำหรับเยี่ยมชมคือ
พิพิธภัณฑ์คัมภีร์ไบเบิล
ที่มีชื่อเรื่องว่า
“ความสว่างเกิดขึ้น
—ประวัติของคัมภีร์ไบเบิลในเยอรมัน”
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้บอกเล่าเรื่องราว
เกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ของคัมภีร์ไบเบิลภาษาเยอรมัน
และความพยายามของผู้แปล
ผู้ที่มาเยี่ยมชมจะได้เห็น
คัมภีร์ไบเบิลที่หายากและน่าสนใจ
ที่ผลิตในช่วงแรกๆ
ของการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิล
เขาจะได้เห็นเรื่องราวของการพิมพ์
คัมภีร์ไบเบิลในช่วงแรกๆที่เป็นภาษาลาติน
และต่อมาได้เริ่มพิมพ์เป็นภาษาเยอรมัน
พิพิธภัณฑ์นี้ยังทำให้เห็นว่า
การพิมพ์และแจกจ่ายคัมภีร์ไบเบิลภาษาเยอรมัน
ได้กระตุ้นให้มีการผลิตคัมภีร์ไบเบิล
ภาษาอื่นๆในยุโรปด้วย
นอกจากนั้น
สำนักข่าวท้องถิ่นยังทำข่าวเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์นี้
และพูดถึงประโยชน์ด้วย
เราขอเชิญคุณมาเยี่ยมชม
พิพิธภัณฑ์ใหม่ของเรา
ที่สาขายุโรปกลาง
คุณสามารถขอจองทัวร์ได้ทางเว็บไซต์ jw.org
เราที่เป็นพยานพระยะโฮวา
เรามองว่าคัมภีร์ไบเบิลไม่ใช่แค่หนังสือดีๆ
ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
แต่เป็นหนังสือที่มาจากพระเจ้า
เราต้องพึ่งการชี้นำ
จากพระยะโฮวาในคัมภีร์ไบเบิล
เหมือนที่เราต้องการอาหาร
เสื้อผ้า
และที่อยู่อาศัย
พระยะโฮวาสร้างเรามาแบบนี้ครับ
พระเยซูพูดถึงความจริงเรื่องนี้
ในแบบที่เข้าใจง่าย
แต่ก็เต็มไปด้วยพลัง
ไว้ที่มัทธิว 5:3
“คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าก็มีความสุข
เพราะรัฐบาลสวรรค์เป็นของเขา”
เพื่อจะมีความสุขแท้
เราต้องรู้ตัวว่าเราจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า
และพยายามใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น
แต่การรู้ตัวว่า “จำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า”
หมายถึงอะไรครับ?
ในภาษากรีก
คำนี้ถ่ายทอดแนวคิดของคนที่ยากจน
หรือเป็นขอทานทางความเชื่อ
ลองนึกภาพคนที่ใส่เสื้อขาดๆนั่งอยู่ริมถนน
เขาหมดแรงเพราะไม่ได้กินอาหาร
ต้องเจอกับอากาศร้อนอากาศหนาว
เขาร้องขอให้คนอื่นช่วย
เพื่อตัวเขาจะมีชีวิตอยู่
เราได้เรียนอะไรครับ?
คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า
จะรู้ว่าตัวเอง
ต้องการความช่วยเหลือจากพระยะโฮวา
และทำทุกอย่างเพื่อจะได้ความช่วยเหลือนั้น
แล้วเราต้องมีคุณลักษณะอะไรบ้าง
เพื่อจะรู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า
ให้เรามาดูเรื่องของผู้หญิงชาวฟีนิเซียด้วยกัน
เรื่องราวนี้อยู่ที่มัทธิว 15:22-28 ครับ
ให้เราสังเกตท่าทีของเธอ
ตอนที่เข้าไปหาพระเยซูและคุยกับท่าน
ที่นั่นบอกว่า
มีผู้หญิงชาวฟีนิเซียคนหนึ่ง
จากแถบนั้นมาหาพระเยซู
และร้องอ้อนวอนว่า
“ท่านผู้เป็นลูกหลานดาวิด
ขอเมตตาดิฉันด้วย
ลูกสาวของดิฉันถูกปีศาจสิง
เธอเจ็บปวดทรมานมาก”
แต่พระเยซูไม่ตอบเธอเลยสักคำ
พวกสาวกเข้ามาบอกท่านว่า
“ไล่เธอไปเถอะ
เพราะเธอตะโกนตามตื๊อเราไม่หยุด”
พระเยซูบอกว่า
“พระเจ้าส่งผมมาหาเฉพาะคนอิสราเอลเท่านั้น
พวกเขาเป็นเหมือนแกะที่หลงหาย”
แต่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาคำนับท่าน และบอกว่า
“นายท่าน ช่วยดิฉันด้วยเถอะ”
พระเยซูพูดว่า
“มันไม่ถูกหรอกนะ
ที่จะเอาอาหารของลูกๆไปโยนให้ลูกหมา”
เธอบอกว่า
“จริงค่ะท่าน
แต่ลูกหมาก็ยังได้กินเศษอาหาร
ที่ตกจากโต๊ะของนายมันไม่ใช่หรือคะ?”
พระเยซูจึงตอบผู้หญิงคนนั้นว่า
“คุณนี่มีความเชื่อมากจริงๆ
ให้เป็นไปตามที่คุณขอเถอะ”
แล้วตอนนั้นเอง
ลูกสาวของเธอก็หายเป็นปกติ”
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนต่างชาติ
เป็นคนฟีนิเซีย
แต่เธอเข้าไปอ้อนวอนพระเยซู
ขอให้ท่านช่วย
เธอบอกว่า “ขอเมตตาดิฉันด้วย”
ตอนแรกท่านไม่ตอบ
แต่ต่อมา
ท่านบอกว่า
‘ท่านถูกส่งมาเพื่อช่วยคนอิสราเอลเท่านั้น’
และท่าน
ยังใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบ
เพื่อเปรียบว่าเธอเป็นเหมือนลูกหมาด้วย
ถ้าเป็นคุณ
คุณจะรู้สึกยังไง?
คุณจะรู้สึกโดนดูถูก
แล้วก็เลิกขอไปเลยไหม?
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ทำอย่างนั้นครับ
เธอแสดงคุณลักษณะที่ดี 3 อย่าง
ที่ช่วยให้เราเห็นว่า
เราจะใกล้ชิดพระเจ้าได้ยังไง
คือ 1 ถ่อมตัว
2 ไม่ยอมแพ้
และ 3 มีความเชื่อ
เพราะเธอถ่อม
เธอเลยไม่เถียงหรือโกรธพระเยซู
เธอรู้ว่าเธอไม่คู่ควร
แต่ก็ยังร้องขอความเมตตาจากพระเยซู
เธอไม่ยอมแพ้
เธอยังขอต่อไป
ถึงแม้พวกสาวกจะบอกพระเยซูให้ “ไล่เธอไป”
และเธอมีความเชื่อเข้มแข็ง
เธอเชื่อว่าถ้าได้รับความสนใจจากพระเยซูแค่เพียงเล็กน้อย
เหมือนได้รับ “เศษอาหาร”
ก็สามารถช่วยเธอได้
พระเยซูประทับใจมาก
ที่เห็นว่าเธอมีความเชื่อมากขนาดนี้
ท่านเลยรักษาลูกสาวของเธอ
ถึงแม้เธอจะไม่ใช่ชาวอิสราเอล
เรื่องนี้สอนเราว่า
พระยะโฮวากับพระเยซู
อยากจะช่วยคนที่รู้ตัวว่า
จำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า
เหมือนกับผู้หญิงชาวฟีนิเซีย
เราต้องพยายาม
ถ่อมตัว
ไม่ยอมแพ้
และมีความเชื่อ
ก่อนหน้านี้
เราเปรียบความจำเป็นที่ต้องพึ่งพระเจ้า
เหมือนกับที่เราต้องการอาหาร
เสื้อผ้า
และที่อยู่อาศัย
แล้วเราจะได้อาหาร
เสื้อผ้า
และที่อยู่อาศัยด้านความเชื่อยังไง
ดูด้วยกันว่าพระยะโฮวาให้สิ่งเหล่านี้กับเรายังไง?
อย่างแรก
อาหารทางความเชื่อ
ก่อนพระเยซูจะกลับไปสวรรค์
ท่านบอกเปโตรว่า
‘ให้เลี้ยงแกะตัวเล็กๆของผม’
เปโตรทำตามนั้น
และพระยะโฮวายังใช้เขา
ให้เขียนจดหมาย 2 ฉบับ
ในคัมภีร์ไบเบิลด้วย
ถึงแม้เปโตรจะสอนคนอื่น
แต่ตัวเขาเอง
ก็ต้องกินอาหารที่เสริมความเชื่อด้วย
ตัวอย่างเช่น
เปโตรศึกษาจดหมายฉบับต่างๆ
ที่เปาโลได้รับการดลใจให้เขียน
แล้วเขาก็ยอมรับว่า
บางเรื่องที่เปาโลเขียน
ก็เข้าใจยาก
แต่น่าดีใจ
ที่เปโตรไม่ยอมแพ้
เขาเชื่อว่า
พระยะโฮวาจะช่วยเขาให้เข้าใจ
อาหารแข็งในคัมภีร์ไบเบิล
และเอาไปใช้ในชีวิตได้
เหมือนกับเปโตร
เราต้องศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นประจำ
เราต้องพัฒนาให้ตัวเองอยากกินอาหารแข็ง
ที่ตอนแรกอาจจะเข้าใจยาก
แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลา
และความพยายาม
แต่มันก็คุ้มค่า
การทำอย่างนี้
จะช่วยให้เรารักพระยะโฮวามากขึ้น
และกระตุ้นเรา
ให้บอกคนอื่นเกี่ยวกับพระองค์
แล้วเสื้อผ้าทางความเชื่อล่ะ?
ที่โคโลสี 3:9, 10
เปาโลเขียนว่า
‘ให้ทิ้ง
หรือถอดลักษณะนิสัยเก่ากับสิ่งต่างๆที่เคยทำ
แล้วปลูกฝังหรือสวมใส่ลักษณะนิสัยใหม่’
เปาโลทำอย่างนั้นครับ
ก่อนจะมาเป็นคริสเตียน
เขาเป็นคนที่อารมณ์ร้อน
กิจการ 9:1 บอกว่า
เขาโกรธพวกสาวกของพระเยซูมาก
จนถึงกับ “ข่มขู่”
และอยากจะฆ่าพวกเขา
แต่หลังจากที่เซาโล
ได้เห็นนิมิตเกี่ยวกับพระเยซู
เขาก็สำนึกผิดและกลับใจ
แต่เขาไม่ได้หยุดแค่นั้น
เปาโลฝึกฝนหรือทุบตีร่างกายอย่างหนัก
และสู้กับความไม่สมบูรณ์ของตัวเอง
และพระยะโฮวาช่วยให้เปาโล
ทิ้งนิสัยที่ไม่ดีได้
แล้วเปาโลก็ได้สวมใส่ลักษณะนิสัยใหม่ที่ดีแทน
เราก็ต้องทำแบบนั้นด้วย
ไม่ว่าเราจะรับใช้พระยะโฮวามานานแค่ไหน
เราก็ต้องปรับปรุงนิสัยของตัวเองอยู่เรื่อยๆ
แต่บางครั้งเราอาจรู้สึกท้อ
เพราะคิดว่า
เราได้ทิ้งนิสัยที่ไม่ดีไปหมดแล้ว
แต่ปรากฏว่านิสัยไม่ดีบางอย่าง
ที่เราพยายามทิ้ง
มันก็กลับมาอีก
ถ้างั้นเราควรทำยังไง?
เราต้องพยายามถอดมันออก
และพยายามสวมใส่นิสัยใหม่ที่ดีแทน
ถ้าทำแบบนี้
พระยะโฮวาก็จะช่วยให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นได้
เพื่อจะมีความสุขแท้
นอกจากอาหาร
และเสื้อผ้าทางความเชื่อแล้ว
เราต้องมีอีกอย่างหนึ่งด้วย
คือเราต้องมี
ที่อยู่อาศัยทางความเชื่อ
กษัตริย์ดาวิดพูดถึงเรื่องนี้ไว้ในสดุดี 27:5
ดาวิดพูดถึงพระยะโฮวาไว้ว่า
“เพราะในวันที่เจอหายนะ
พระองค์จะซ่อนผมไว้ในที่กำบังของพระองค์
พระองค์จะซ่อนผมไว้ในเต็นท์ลับของพระองค์
พระองค์จะเอาตัวผมไปไว้บนหินผา”
เมื่อดาวิดเชื่อฟังพระยะโฮวา
พระองค์ก็ปกป้องเขา
และช่วยให้เขาตัดสินใจอย่างฉลาด
แต่พอดาวิดไม่เชื่อฟังพระยะโฮวา
พระองค์ก็ไม่ปกป้องเขาจากสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้น
เราเลียนแบบดาวิดได้โดยอธิษฐาน
และหาคำแนะนำจากพระยะโฮวาก่อนจะตัดสินใจ
บางครั้งเราอาจเจอปัญหา
แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะพระยะโฮวาไม่ปกป้อง
แต่เป็นเพราะเราตัดสินใจไม่ดีเอง
และก็อาจมีบางครั้ง
ที่เราก็เชื่อฟัง
แต่ก็ยังเจอปัญหา
เราจะทำยังไงครับ?
เราต้องอธิษฐาน
ระบายสิ่งที่อยู่ในใจให้พระยะโฮวาฟัง
แล้วพระยะโฮวาทำยังไงครับ?
พระองค์จะปกป้องหัวใจและความคิดของเรา
พระองค์จะปกป้องเรา
ไว้จากอะไรก็ตาม
ที่ทำลายความเชื่อของเรา
เราขอบคุณพระยะโฮวาจริงๆ
ที่จัดเตรียมให้เรามีอาหาร
เสื้อผ้า
และที่อยู่อาศัยทางความเชื่อ
เราขอบคุณพระยะโฮวา
ที่ให้เรามีทุกอย่างที่จำเป็น
เพื่อจะมีชีวิตอยู่
และมีความสุขแท้
จำที่พระเยซูบอกในมัทธิว 5:3 ไว้นะครับ
“คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าก็มีความสุข”
เพื่อช่วยให้เราจำได้ว่า
เคล็ดลับของความสุขแท้คืออะไร
เราได้เลือก มัทธิว 5:3
ให้เป็นข้อคัมภีร์ประจำปีของปี 2026 ครับ
เราอยากจะจำข้อคัมภีร์นี้ให้ขึ้นใจ
“คนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าก็มีความสุข”
และเราตื่นเต้นที่จะประกาศว่า
มีเพลงจากมิวสิควีดีโอออกใหม่
ที่อาศัยมัทธิว 5:3
ที่ชื่อว่า
“ฉันต้องพึ่งพระเจ้า”
เนื้อหาของเพลงใหม่นี้
พูดถึงความรู้สึกของเรา
ที่อยากทำให้ความเชื่อของตัวเองเข้มแข็ง
และสนิทกับพระยะโฮวา
เรารอคอยที่จะร้องเพลงใหม่นี้ด้วยกันกับพี่น้อง
ในการประชุมประจำปีที่กำลังจะมาถึง
เพลงนี้จะเป็นเพลงหมายเลข 162
ในหนังสือเพลงของเรา
และเพลงนี้มีให้ดาวน์โหลดแล้ว
ในภาษาอังกฤษ
และในบางภาษา
สำหรับภาษาอื่นๆที่ยังไม่มี
ก็จะค่อยๆออกตามมาทีหลังครับ
พี่น้องครับ
ขอให้จำไว้ว่า
เพื่อเราจะเป็นคนที่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้า
เราต้องถ่อมตัวไม่ยอมแพ้
และมีความเชื่อเข้มแข็ง
ในพระยะโฮวาพระเจ้าของเรา
ถ้าเรามีคุณลักษณะทั้ง 3 อย่างนี้
พระยะโฮวาก็จะช่วยให้เราสนิทกับพระองค์
และเราจะมีความสุขอย่างแท้จริง
พี่น้องที่รัก
เราอยากให้คุณรู้ว่าเรารักพวกคุณมากจริงๆ
และนี่คือรายการโทรทัศน์ JW
จากสำนักงานใหญ่ของพยานพระยะโฮวา
-