ดาวิดรอคอยพระยะโฮวา
Video
Other languages
Share text
Share link
Show times
Hide times
00:00:11
เคยมีคนเยาะเย้ย ข่มเหง หรือต่อต้านคุณไหม?00:00:16
00:00:17
คุณกำลังเจอปัญหายุ่งยาก00:00:19
00:00:19
ที่ดูเหมือนว่าไม่มีทางออก00:00:21
00:00:21
หรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรไม่ได้เลยไหม?00:00:24
00:00:25
ถ้าใช่ คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว 00:00:28
00:00:28
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าดาวิดก็เคยเจอแบบนี้ด้วย 00:00:32
00:00:32
และยังบอกด้วยว่าเขารับมือกับปัญหานี้ยังไง00:00:35
00:00:36
เขาพูดไว้ที่สดุดี 62:5 ว่า00:00:39
00:00:39
“ผมอดทนรอคอยพระเจ้าองค์เดียว”00:00:43
00:00:45
นักวิชาการเชื่อว่าดาวิดถูกเจิม
เป็นกษัตริย์ตอนอายุ 15 00:00:50
00:00:50
นี่แสดงว่าเขาต้องรอถึง 22 ปี00:00:54
00:00:54
กว่าจะได้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล00:00:56
00:00:57
ในช่วงนั้น กษัตริย์ซาอูลตามล่าดาวิด00:01:00
00:01:00
เพื่อพยายามจะฆ่าเขา00:01:02
00:01:03
นี่ทำให้ดาวิดต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ00:01:06
00:01:06
บางครั้งก็ไปอยู่ในถ้ำในที่กันดาร 00:01:09
00:01:09
และบางครั้งก็ต้องไปอยู่ใน
ดินแดนของคนต่างชาติ00:01:12
00:01:12
ซึ่งเป็นศัตรูของอิสราเอล00:01:14
00:01:15
ดาวิดเรียนรู้ที่จะอดทน 00:01:18
00:01:18
รอคอยการช่วยเหลือจากพระยะโฮวา00:01:21
00:01:21
ให้เรามาดู 3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น00:01:24
00:01:24
ในช่วงเวลานั้นของชีวิตเขา00:01:26
00:01:26
เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นใน
ที่กันดารนอกเมืองเอนเกดี 00:01:30
00:01:30
ซึ่งมีแต่ภูเขาหินชัน และถ้ำขนาดใหญ่00:01:34
00:01:34
กษัตริย์ซาอูลอิจฉาและเกลียดดาวิดมาก00:01:38
00:01:38
เขาไล่ล่าและตามฆ่าดาวิด 00:01:41
00:01:41
ดาวิดและพรรคพวกก็เลยต้องซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ00:01:45
00:01:45
ลองคิดดูสิ พวกเขาไม่ได้อยู่แบบสบายๆ00:01:49
00:01:49
พวกเขาต้องไปหาอาหาร หาฟืน หาน้ำ00:01:53
00:01:54
แถมยังต้องระวังคนที่ตามล่าพวกเขาด้วย00:01:57
00:01:57
แต่หลังจากนั้น 00:01:59
00:01:59
ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดบางอย่างเกิดขึ้น00:02:02
00:02:03
ขอเปิดคัมภีร์ไบเบิลและอ่านด้วยกัน00:02:05
00:02:05
ที่ 1 ซามูเอล บท 24 เราจะเริ่มที่ข้อ 200:02:10
00:02:10
ผมจะให้เวลาพี่น้องเปิดก่อนนะครับ00:02:12
00:02:12
1 ซามูเอล บท 24 เราจะเริ่มอ่านที่ข้อ 2 ครับ00:02:17
00:02:21
ซาอูลจึงพาชาวอิสราเอล
ที่เขาเลือกไว้ 3,000 คน00:02:25
00:02:25
ไปตามล่าดาวิดกับพรรคพวกบนภูเขาหินชัน00:02:29
00:02:29
ซึ่งเป็นที่อยู่ของแพะภูเขา00:02:31
00:02:33
ซาอูลมาถึงคอกแกะที่อยู่ริมทาง00:02:36
00:02:36
ที่นั่นมีถ้ำแห่งหนึ่ง 00:02:38
00:02:38
ซาอูลก็เข้าไปนั่งปลดทุกข์ในถ้ำ 00:02:41
00:02:41
ตอนนั้นดาวิดกับพรรคพวกนั่งอยู่00:02:45
00:02:45
ในซอกหลืบที่อยู่ในสุดของถ้ำ 00:02:47
00:02:47
คนของดาวิดพูดกับดาวิดว่า00:02:50
00:02:50
“วันนี้แหละที่พระยะโฮวาบอกท่านว่า00:02:54
00:02:54
‘เราให้ศัตรูตกอยู่ในกำมือเจ้าแล้ว 00:02:58
00:02:58
เจ้าจะทำอะไรกับเขาก็ได้ตามที่เจ้าพอใจ’”00:03:03
00:03:04
ตอนนั้นทหารที่ถูกฝึกอย่างดี 3,000 คน00:03:08
00:03:08
กำลังออกตามล่าดาวิด00:03:10
00:03:11
ลองนึกภาพว่าดาวิดกับพรรคพวก
ของเขาจะรู้สึกยังไง00:03:15
00:03:15
เมื่อเห็นซาอูลเดินเข้ามาในถ้ำคนเดียว00:03:18
00:03:18
โดยไม่มีทหารมาคอยปกป้อง 00:03:21
00:03:23
เมื่อซาอูลเดินเข้ามา 00:03:25
00:03:25
เขาคงมองไม่เห็นว่ามีใครอยู่ข้างใน00:03:28
00:03:28
เพราะด้านนอกสว่างกว่า 00:03:30
00:03:31
แต่สำหรับคนที่อยู่ในถ้ำ 00:03:33
00:03:33
พวกเขาชินความมืดอยู่แล้ว00:03:35
00:03:35
ดังนั้นพวกเขาเลยเห็นซาอูลได้อย่างชัดเจน00:03:38
00:03:40
ตอนนี้ซาอูลดูเหมือนจะ
ตกอยู่ในกำมือของดาวิดแล้ว00:03:45
00:03:46
ดาวิดควรจะฆ่าเขาไหม?00:03:48
00:03:49
คนของดาวิดก็บอกให้เขาทำอย่างนั้น00:03:52
00:03:52
เขาบอกว่าพระยะโฮวา
ให้ศัตรูตกอยู่ในมือท่านแล้ว00:03:56
00:03:56
ที่จริงพระเจ้าต้องการให้ดาวิด00:03:59
00:03:59
เป็นกษัตริย์แทนซาอูล 00:04:01
00:04:01
ดังนั้น ดาวิดก็มีเหตุผลที่จะฆ่าเขาไม่ใช่เหรอ?00:04:05
00:04:05
ซาอูลทำหลายอย่างที่แย่มาก 00:04:08
00:04:08
เขาฆ่าปุโรหิตที่เมืองโนบ00:04:09
00:04:10
เขายังฆ่าทุกคนในเมือง 00:04:12
00:04:12
ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็กและสัตว์00:04:15
00:04:15
เพียงเพราะว่ามหาปุโรหิตอาหิเมเลค00:04:18
00:04:18
ได้ให้ขนมปังกับดาวิดและคนของเขากิน00:04:23
00:04:24
ลองคิดดู ถ้าดาวิดฆ่า
ซาอูลจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?00:04:27
00:04:27
ทุกคนก็จะปลอดภัย00:04:29
00:04:29
ไม่ต้องมาอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ 00:04:31
00:04:31
ไม่ต้องไปหลบอยู่ในถ้ำอีก 00:04:33
00:04:33
แล้วดาวิดก็จะได้เป็นกษัตริย์ทันที00:04:36
00:04:37
ตอนนั้นดาวิดคงต้องคิดถึงเรื่องเหล่านี้แน่ๆ00:04:40
00:04:41
แต่เขาทำยังไง?00:04:42
00:04:42
แล้วถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง?00:04:44
00:04:44
ให้เรามาอ่านต่อกันครับ00:04:46
00:04:46
ที่ 1 ซามูเอล 24:4 ครับ00:04:49
00:04:49
ดาวิดจึงลุกขึ้น00:04:51
00:04:51
และแอบเข้าไปตัดชายเสื้อคลุม
ไม่มีแขนของซาอูล00:04:56
00:04:56
แต่หลังจากนั้นดาวิดรู้สึกผิด00:04:59
00:04:59
ที่ตัดชายเสื้อคลุมไม่มีแขนของซาอูล00:05:02
00:05:02
ดาวิดจึงพูดกับคนของเขาว่า00:05:05
00:05:05
“ผมไม่ควรทำอย่างนี้กับนายของผม 00:05:09
00:05:09
เพราะเขาเป็นผู้ที่พระยะโฮวาเจิม 00:05:12
00:05:12
พระยะโฮวาต้องไม่ชอบแน่ๆ00:05:14
00:05:15
ถ้าผมทำร้ายผู้ที่พระยะโฮวาเจิมไว้”00:05:19
00:05:20
ดาวิดพูดอย่างนั้นเพื่อห้ามปรามคนของตน00:05:23
00:05:23
และดาวิดไม่อนุญาต
ให้พวกเขาทำอะไรซาอูล 00:05:26
00:05:26
จากนั้นซาอูลก็ออกไปจากถ้ำ00:05:29
00:05:31
ดาวิดไม่ได้ทำตามที่คนของเขาบอก00:05:35
00:05:35
แต่เขาใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่า
เขาไม่ได้เป็นกบฏ00:05:39
00:05:39
และไม่ได้อยากแก้แค้นที่ซาอูลทำกับเขา00:05:43
00:05:43
อย่างโหดร้ายและไม่ยุติธรรม 00:05:45
00:05:47
ดาวิดคงต้องควบคุมตัวเองมากจริงๆ 00:05:49
00:05:50
และต้องมีความเชื่อด้วย 00:05:52
00:05:52
เชื่อว่าพระยะโฮวาจะช่วยเมื่อถึงเวลา00:05:56
00:05:56
และตามวิธีของพระองค์ 00:05:58
00:05:59
เรารู้ว่าดาวิดคิดยังไงจากสิ่งที่เขาพูดกับซาอูล00:06:03
00:06:03
และจากคำพูดของเขา
ในสดุดีบท 57 ในข้อ 300:06:08
00:06:08
เขาบอกว่า00:06:09
00:06:09
“[พระยะโฮวา]
จะส่งความช่วยเหลือ00:06:11
00:06:11
ลงมาจากสวรรค์และช่วยผมให้รอด 00:06:14
00:06:14
พระองค์จะขัดขวางคนที่โจมตีผม”00:06:18
00:06:19
บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่ายากมากที่จะอดทน00:06:22
00:06:24
โดยเฉพาะเมื่อเราเจอกับเรื่องไม่ยุติธรรม 00:06:26
00:06:27
เราอาจพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเอง00:06:29
00:06:30
แต่จริงๆ แล้วมีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้นมาก 00:06:34
00:06:35
เราควรเป็นเหมือนดาวิดที่คิดก่อนว่า00:06:37
00:06:37
พระยะโฮวามองเรื่องนั้นยังไง 00:06:39
00:06:40
บางครั้งเราอาจต้องลงมือจัดการ00:06:42
00:06:42
แต่บางครั้งดีกว่าที่เราจะรอพระยะโฮวา00:06:46
00:06:46
ให้ช่วยในเวลาที่เหมาะสม00:06:48
00:06:48
เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ซาอูลออกจากถ้ำ?00:06:51
00:06:52
ให้เรามาอ่านต่อด้วยกันครับ00:06:54
00:06:54
ที่ 1 ซามูเอล 24:8 00:06:57
00:06:57
ข้อ 8 ครับ00:06:58
00:07:00
ดาวิดลุกออกไปจากถ้ำและตะโกนเรียกซาอูลว่า00:07:04
00:07:04
“ท่านกษัตริย์ผู้เป็นนายของผม!”00:07:06
00:07:06
ดาวิดเหรอ?00:07:07
00:07:07
เมื่อซาอูลหันไปดู 00:07:10
00:07:10
ดาวิดก็หมอบลงและซบหน้ากับพื้น
ทำความเคารพซาอูล 00:07:14
00:07:15
ดาวิดบอกซาอูลว่า00:07:17
00:07:17
“ทำไมท่านไปฟังคนที่บอกว่า
ผมคิดทำร้ายท่าน?00:07:21
00:07:22
วันนี้ท่านก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่า00:07:24
00:07:24
พระยะโฮวาให้ท่านตกอยู่ในกำมือผมในถ้ำนี้ 00:07:28
00:07:29
แต่พอมีคนบอกให้ฆ่าท่าน00:07:31
00:07:31
ผมก็สงสารท่าน00:07:33
00:07:33
และบอกเขาว่าผมจะไม่ทำร้ายนายของผม00:07:37
00:07:37
เพราะท่านเป็นผู้ที่พระยะโฮวาเจิม00:07:40
00:07:40
ดูนี่สิครับ ท่านพ่อของผม 00:07:43
00:07:43
ท่านเห็นชายเสื้อคลุมไม่มีแขน
ของท่านในมือผมไหม?00:07:46
00:07:46
ตอนที่ผมตัดชายเสื้อคลุมของท่าน 00:07:49
00:07:49
ผมไม่ได้ฆ่าท่าน00:07:51
00:07:51
ตอนนี้ท่านก็เห็นและเข้าใจแล้วว่า00:07:54
00:07:54
ผมไม่ได้คิดจะทำร้ายท่านหรือกบฏต่อท่านเลย00:07:57
00:07:58
ผมไม่ได้ทำผิดต่อท่าน00:08:00
00:08:00
แต่ท่านกลับตามล่าเอาชีวิตผม00:08:02
00:08:02
ขอพระยะโฮวาตัดสินเรื่องระหว่างท่านกับผม 00:08:06
00:08:06
และขอพระยะโฮวาแก้แค้นท่านแทนผม 00:08:09
00:08:09
แต่ผมจะไม่ทำร้ายท่านเลย 00:08:13
00:08:14
ภาษิตโบราณกล่าวว่า00:08:16
00:08:16
‘ความชั่วออกมาจากคนชั่ว’00:08:18
00:08:18
แต่ผมจะไม่ทำร้ายท่าน 00:08:22
00:08:22
ท่านผู้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล
ออกมาล่าผมหรือ?00:08:26
00:08:26
ผมเป็นใคร?00:08:27
00:08:27
ผมก็เป็นแค่หมาที่ตายแล้ว00:08:29
00:08:29
และไม่ต่างอะไรกับหมัดตัวหนึ่ง 00:08:31
00:08:32
ขอพระยะโฮวาตัดสินเรื่องระหว่างท่านกับผม00:08:35
00:08:36
พระองค์จะเห็นและจะสู้คดีแทนผม00:08:39
00:08:39
พระองค์จะตัดสินผม00:08:41
00:08:41
และจะช่วยผมให้รอดจากเงื้อมมือท่าน”00:08:44
00:08:46
มีคนกล่าวหาดาวิดว่าอยากจะทำร้ายซาอูล 00:08:50
00:08:50
แต่การที่ดาวิดควบคุมตัวเองทำให้เห็นว่า00:08:53
00:08:53
เขาไม่เคยคิดจะทำร้ายซาอูลเลย00:08:56
00:08:56
นอกจากนั้น เขาพูดถึงสองครั้งว่า00:08:59
00:08:59
ขอให้พระยะโฮวาตัดสินเรื่องของเขากับซาอูล00:09:02
00:09:02
ทั้งๆ ที่ซาอูลตามล่าดาวิดอย่างไม่มีเหตุผล00:09:06
00:09:07
แต่เขาก็ยังพูดกับซาอูลด้วยความนับถือ00:09:11
00:09:11
และถ่อมใจรอพระยะโฮวาจัดการปัญหาของเขา00:09:15
00:09:16
สิ่งที่ดาวิดพูดกับซาอูลมีพลังมากจริงๆ00:09:20
00:09:21
พอรู้ว่าดาวิดไว้ชีวิตเขา00:09:23
00:09:23
ซาอูลก็ตกใจมากแล้วพูดว่า00:09:27
00:09:27
“พระยะโฮวาจะตอบแทนคุณด้วยสิ่งดีๆ00:09:31
00:09:31
เพราะวันนี้คุณได้ไว้ชีวิตเรา00:09:32
00:09:32
เรารู้ว่าคุณจะได้เป็นกษัตริย์แน่ 00:09:36
00:09:36
และคุณกับลูกหลาน
จะปกครองอิสราเอลตลอดไป” 00:09:40
00:09:41
อัครสาวกเปาโลอาจคิดถึงเหตุการณ์นี้ 00:09:44
00:09:44
ตอนที่เขาแนะนำคริสเตียนในโรมว่า 00:09:47
00:09:47
“อย่าแก้แค้นด้วยตัวเอง...00:09:49
00:09:49
ให้เอาชนะความชั่วด้วยความดี”00:09:53
00:09:54
บางครั้งการกระทำและคำพูดที่ดี 00:09:56
00:09:56
อาจทำให้คนที่ต่อต้านเราเปลี่ยนไปก็ได้ 00:09:59
00:10:00
ซาอูลประทับใจความเมตตาของดาวิดมาก00:10:03
00:10:04
แต่ซาอูลเลิกตามฆ่าดาวิดไหม?00:10:06
00:10:07
เดี๋ยวเราจะได้คำตอบ00:10:09
00:10:09
แต่เพราะเราเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ00:10:12
00:10:12
บางครั้งเราก็เลยไม่แสดงความอดทน00:10:15
00:10:15
ดาวิดก็เป็นอย่างนั้นด้วย00:10:17
00:10:18
มีครั้งหนึ่งดาวิดโมโหมาก 00:10:20
00:10:20
เขาเกือบลงมือทำในสิ่งที่
จะก่อความเสียหายมาก00:10:25
00:10:25
มาอ่านเรื่องนี้กันที่00:10:27
00:10:27
1 ซามูเอล บท 25 00:10:29
00:10:29
ตอนนี้เราจะดูบทที่ 25 ข้อ 1 00:10:32
00:10:33
1 ซามูเอล บท 25 เริ่มอ่านที่ข้อ 1 ครับ00:10:36
00:10:38
ต่อมา ซามูเอลก็ตาย00:10:41
00:10:41
และชาวอิสราเอลมาชุมนุมกันเพื่อไว้อาลัย00:10:44
00:10:44
และฝังศพซามูเอลไว้
ที่บ้านของเขาในเมืองรามาห์ 00:10:47
00:10:47
แล้วดาวิดก็เข้าไปในที่กันดารปาราน00:10:51
00:10:51
มีชายคนหนึ่งเป็นชาวเมืองมาโอน00:10:54
00:10:54
แต่มีฝูงสัตว์อยู่ที่คาร์เมล00:10:56
00:10:56
เขาร่ำรวยมาก00:10:57
00:10:57
มีแกะ 3,000 ตัว00:10:59
00:10:59
และแพะ 1,000 ตัว00:11:00
00:11:00
ตอนนั้นเขากำลังตัดขนแกะ
ของเขาอยู่ที่คาร์เมล00:11:04
00:11:05
ผู้ชายคนนี้ชื่อนาบาล 00:11:07
00:11:07
ภรรยาของเขาชื่ออาบีกายิล00:11:09
00:11:09
เธอเป็นคนสวยและฉลาด 00:11:10
00:11:10
แต่สามีของเธอซึ่งเป็นลูกหลาน
คาเลบเป็นคนก้าวร้าว00:11:14
00:11:14
และนิสัยไม่ดี00:11:16
00:11:16
ตอนดาวิดอยู่ในที่กันดาร00:11:18
00:11:18
เขาได้ยินว่านาบาลกำลังตัดขนแกะอยู่ 00:11:20
00:11:20
ดาวิดจึงส่งคนหนุ่ม ๆ 10 คน00:11:23
00:11:23
ไปหานาบาลและสั่งพวกเขาว่า00:11:25
00:11:26
“ขึ้นไปที่เมืองคาร์เมล 00:11:27
00:11:27
และเมื่อเจอนาบาลก็ให้
บอกเขาว่าดาวิดฝากทักทาย00:11:31
00:11:32
และบอกเขาว่า ‘ขอให้คุณอายุยืนยาว00:11:34
00:11:34
และขอให้คุณกับครอบครัว00:11:36
00:11:36
และทุกคนที่อยู่กับคุณอยู่ดีมีสุข00:11:38
00:11:38
ผมได้ยินว่าคุณกำลังตัดขนแกะอยู่ 00:11:41
00:11:41
ตอนที่คนเลี้ยงแกะของคุณอยู่กับพวกเรา00:11:43
00:11:43
พวกเราไม่เคยทำร้ายพวกเขา 00:11:45
00:11:45
และตลอดเวลาที่พวกเขา
อยู่กับพวกเราในคาร์เมล00:11:48
00:11:48
ไม่มีอะไรของพวกเขาหายไปเลย 00:11:51
00:11:51
ถามคนงานหนุ่มๆ ของคุณดูก็ได้ 00:11:53
00:11:53
แล้วพวกเขาจะบอกคุณ00:11:55
00:11:55
ขอเมตตาคนของผมด้วย 00:11:57
00:11:57
เพราะพวกเรามาหาคุณ
ในวันที่มีงานเลี้ยงรื่นเริง 00:11:59
00:11:59
ขอแบ่งอะไรก็ได้ให้พวกเรา00:12:01
00:12:01
ซึ่งเป็นคนรับใช้ของคุณ00:12:03
00:12:03
และให้ดาวิดลูกของคุณบ้างเถอะ’”00:12:05
00:12:05
คนของดาวิดไปหานาบาล00:12:08
00:12:08
และพูดตามที่ดาวิดสั่ง 00:12:09
00:12:09
พอพวกเขาพูดจบ 00:12:11
00:12:11
นาบาลตอบคนของดาวิดว่า00:12:13
00:12:13
“ดาวิดเป็นใครกัน?00:12:15
00:12:15
ลูกเจสซีคนนี้เป็นใคร?00:12:18
00:12:18
สมัยนี้มีคนรับใช้ตั้งเยอะแยะที่หนีจากเจ้านาย 00:12:22
00:12:23
เรื่องอะไรเราจะต้องเอาขนมปังกับน้ำ00:12:25
00:12:25
และเนื้อที่เราเตรียมไว้ให้คนตัดขนแกะของเรา00:12:29
00:12:30
ไปให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้?”00:12:32
00:12:33
ช่วงที่มีการตัดขนแกะ00:12:35
00:12:35
มักจะเป็นช่วงที่มีงานเลี้ยงรื่นเริง00:12:38
00:12:38
ตอนนั้นนาบาลกินเลี้ยงอย่างมีความสุข00:12:41
00:12:41
เขามีแกะหลายตัว00:12:42
00:12:42
และคนของดาวิดก็ช่วยปกป้อง
พวกมันจากกองโจร00:12:46
00:12:47
ดังนั้นนาบาลก็ควรขอบคุณ00:12:50
00:12:50
และมีน้ำใจต่อดาวิด00:12:52
00:12:52
แต่พอคนของดาวิด00:12:54
00:12:54
ไปขออาหารจากเขาอย่างสุภาพ00:12:56
00:12:57
นาบาลปฏิเสธ 00:12:58
00:12:58
แถมยังดูถูกดาวิดด้วย 00:13:00
00:13:01
มาดูว่าดาวิดมีท่าทียังไง00:13:03
00:13:03
อ่านต่อด้วยกันครับที่00:13:05
00:13:05
1 ซามูเอล บท 25 เริ่มที่ข้อ 12 ครับ 00:13:08
00:13:11
คนของดาวิดก็กลับไปรายงาน
ดาวิดตามที่นาบาลพูด00:13:15
00:13:15
ดาวิดสั่งคนของเขาทันทีว่า00:13:18
00:13:18
“ทุกคนคาดดาบ!”00:13:20
00:13:20
พวกเขาจึงเอาดาบมาคาดเอว 00:13:23
00:13:23
ดาวิดก็คาดดาบด้วย 00:13:25
00:13:25
มีคนประมาณ 400 คนไปกับดาวิด00:13:28
00:13:28
ส่วนอีก 200 คนอยู่เฝ้าสัมภาระ00:13:32
00:13:32
ระหว่างนั้น มีคนรับใช้คนหนึ่ง00:13:34
00:13:34
มาบอกอาบีกายิลภรรยาของนาบาลว่า00:13:37
00:13:38
“นายหญิง!00:13:39
00:13:39
ดาวิดส่งคนมาจากที่กันดาร
เพื่ออวยพรนายของเรา00:13:43
00:13:43
แต่นายกลับด่าว่าพวกเขา00:13:45
00:13:45
อะไรนะ00:13:46
00:13:46
พวกเขาดีกับเรามาก 00:13:47
00:13:47
ไม่เคยทำร้ายเราเลย00:13:49
00:13:49
ตอนที่เราอยู่กับพวกเขาในทุ่งหญ้า00:13:51
00:13:51
ไม่มีอะไรของเราหายไปเลย00:13:54
00:13:54
ตลอดเวลาที่เราอยู่กับพวกเขา00:13:56
00:13:56
ช่วงที่ออกไปเลี้ยงแกะ 00:13:58
00:13:58
พวกเขาเป็นเหมือนกำแพง00:14:00
00:14:00
ที่คอยปกป้องเราทั้งกลางวันกลางคืน00:14:02
00:14:02
โอ้!00:14:03
00:14:03
นายหญิงตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเถอะครับ00:14:05
00:14:05
ไม่อย่างนั้น 00:14:06
00:14:06
นายของเรากับคนทั้งบ้านจะต้องตายแน่ 00:14:10
00:14:10
นายเป็นคนไม่ได้เรื่อง 00:14:12
00:14:12
ไม่มีใครพูดกับเขาได้”00:14:14
00:14:17
อาบีกายิลจึงรีบเตรียมขนมปัง 200 ก้อน 00:14:20
00:14:20
เหล้าองุ่น 2 ไหใหญ่ 00:14:22
00:14:22
แกะที่ฆ่าเรียบร้อยแล้ว 5 ตัว00:14:25
00:14:25
ข้าวคั่ว 5 ซีห์ 00:14:26
00:14:26
ลูกเกดที่ทำเป็นก้อน 100 ก้อน00:14:28
00:14:28
และมะเดื่อที่ทำเป็นก้อน 200 ก้อน...00:14:31
00:14:31
เอ้านี่00:14:32
00:14:32
...แล้วเอาของเหล่านี้ใส่หลังลา 00:14:34
00:14:34
เอาไป00:14:34
00:14:34
แล้วอาบีกายิลก็สั่งพวกคนรับใช้ว่า00:14:36
00:14:36
“เดินทางล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไป”00:14:39
00:14:39
แต่เธอไม่ได้บอกนาบาลสามีของเธอ00:14:43
00:14:44
ตอนที่อาบีกายิลกำลังขี่ลาไปตามซอกเขา00:14:47
00:14:48
ดาวิดกับพรรคพวกก็ลงมาเจอเธอพอดี00:14:50
00:14:51
ก่อนหน้านี้ดาวิดพูดว่า00:14:53
00:14:53
“ผมอุตส่าห์ช่วยดูแลสมบัติทุกอย่าง00:14:56
00:14:56
ของคนคนนี้ในที่กันดาร 00:14:58
00:14:58
ของของเขาแม้แต่อย่างเดียวก็ไม่เคยหาย00:15:01
00:15:01
แต่สิ่งที่ผมทำไม่มีประโยชน์อะไรเลย00:15:04
00:15:04
เขากลับตอบแทนความดีของผมด้วยความชั่ว 00:15:08
00:15:08
ถ้าผมปล่อยให้ผู้ชายในบ้านของเขา00:15:10
00:15:10
แม้แต่คนเดียวมีชีวิตอยู่จนถึงพรุ่งนี้เช้า 00:15:13
00:15:13
ก็ขอให้พระเจ้าลงโทษศัตรูของดาวิด00:15:16
00:15:16
ให้หนักกว่านั้นอีก”00:15:17
00:15:18
พอได้ยินว่านาบาลพูดยังไงดาวิดก็โมโหมาก00:15:22
00:15:22
เขาก็เลยสั่งให้คนของเขาคาดดาบทันที00:15:26
00:15:26
โดยไม่ได้ปรึกษาพระยะโฮวาก่อน00:15:28
00:15:28
ดาวิดกับคนของเขาตั้งใจ00:15:31
00:15:31
ที่จะฆ่าผู้ชายทุกคนในบ้านของนาบาล00:15:35
00:15:35
แต่การทำอย่างนี้มันไม่ถูก 00:15:37
00:15:37
ถึงนาบาลจะเป็นคนไม่ดี 00:15:40
00:15:40
และก็จริงที่ดาวิดควรได้รับ
ผลตอบแทนจากสิ่งที่เขาทำ00:15:44
00:15:44
แต่ดาวิดก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง
เอาของของนาบาล00:15:48
00:15:48
และก็ไม่มีเหตุผลด้วย 00:15:49
00:15:49
ที่จะต้องฆ่าชาวอิสราเอลด้วยกันเอง00:15:51
00:15:51
รวมทั้งคนในบ้านของเขา00:15:53
00:15:53
คนใช้ของนาบาลรู้ว่าจะมีหายนะเกิดขึ้น00:15:58
00:15:58
ก็เลยรวบรวมความกล้าไปหาอาบีกายิล00:16:01
00:16:01
และบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ 00:16:03
00:16:03
เขารู้ว่าถ้าไปบอกนาบาล00:16:05
00:16:05
นาบาลก็คงไม่ฟัง 00:16:07
00:16:07
แต่เขามั่นใจว่าอาบีกายิลจะฟังแน่นอน 00:16:09
00:16:09
เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มีความเข้าใจ00:16:12
00:16:12
และรักพระยะโฮวา00:16:13
00:16:14
ถึงเราจะรู้ไม่มากเกี่ยวกับอาบีกายิล 00:16:17
00:16:17
แต่การเป็นภรรยาของนาบาลก็คงไม่ง่ายเลย00:16:21
00:16:21
เขาเป็นคนก้าวร้าวและหยิ่งมาก 00:16:24
00:16:24
อาจเป็นไปได้ที่เธอไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับเขา00:16:28
00:16:28
อาบีกายิลพูดถึงนาบาลว่า 00:16:31
00:16:31
“เขาก็โง่เหมือนชื่อของเขานั่นแหละ” 00:16:34
00:16:34
ถ้าอาบีกายิลซึ่งเป็นผู้หญิง00:16:37
00:16:37
ที่รักพระยะโฮวายังพูดแบบนี้ 00:16:39
00:16:39
ก็แสดงว่านาบาลคงทำไม่ดีกับเธอมากๆ00:16:44
00:16:45
เมื่อคนใช้มาบอกอาบีกายิล 00:16:47
00:16:47
เธอก็รู้ว่าต้องรีบลงมือทำบางอย่างทันที 00:16:50
00:16:50
แต่ทำอะไรล่ะ?00:16:52
00:16:52
จะไปคุยกับนาบาลดีไหม?00:16:55
00:16:56
คงไม่ เพราะนาบาลไม่มีเหตุผล00:16:59
00:17:00
งั้นจะหนีไปเลยดีไหม?00:17:02
00:17:03
ถ้าดาวิดเป็นคนแบบนาบาล 00:17:05
00:17:05
การหนีไปก็เป็นทางเลือกที่ดี 00:17:07
00:17:07
แต่เธอรู้ว่าดาวิดเป็นคน
ที่มีเหตุผลและรักพระยะโฮวา00:17:13
00:17:14
เธอเลยรีบเตรียมอาหารแล้วออกไปเจอเขา00:17:17
00:17:18
ให้เราอ่านต่อด้วยกันที่00:17:20
00:17:20
1 ซามูเอล 25:23 ครับ00:17:23
00:17:24
เมื่ออาบีกายิลเห็นดาวิด00:17:26
00:17:26
เธอรีบลงจากหลังลามาหมอบตรงหน้าดาวิด00:17:30
00:17:30
และซบหน้าลงกับพื้น00:17:32
00:17:32
เธอเข้ามาหมอบแทบเท้าดาวิดและพูดว่า00:17:35
00:17:36
“นายท่าน ทั้งหมดเป็นความผิดของดิฉันเอง00:17:40
00:17:40
ขอให้ดิฉันได้พูดกับท่าน 00:17:42
00:17:42
ขอให้ท่านฟังดิฉันซึ่งเป็น
คนรับใช้ของท่านก่อนเถอะค่ะ 00:17:47
00:17:48
ขอนายท่านอย่าใส่ใจกับคน
ที่ไม่ได้เรื่องอย่างนาบาลเลย00:17:52
00:17:53
เขาชื่อนาบาลและเขาก็โง่
เหมือนชื่อของเขานั่นแหละ00:17:57
00:17:57
ดิฉันซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่าน
ไม่เห็นคนหนุ่มที่ท่านส่งมาเลย00:18:03
00:18:04
ท่านคะ ดิฉันขอสาบานต่อพระยะโฮวา
ผู้มีชีวิตอยู่และต่อท่านว่า00:18:11
00:18:11
จริง ๆ แล้วพระยะโฮวาเป็นผู้ห้ามท่าน00:18:14
00:18:14
ไม่ให้ทำผิดเพราะฆ่าคนตาย00:18:17
00:18:17
หรือแก้แค้นด้วยมือของท่านเอง00:18:20
00:18:20
ขอให้ศัตรูของท่านและคนที่คิดทำร้ายท่าน00:18:24
00:18:24
ผู้เป็นนายของดิฉันเป็นเหมือนนาบาล00:18:27
00:18:27
ตอนนี้ขอท่านโปรดรับของขวัญเหล่านี้00:18:31
00:18:31
จากดิฉันซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่าน00:18:34
00:18:34
และเอาไปให้คนของท่านด้วยเถอะ 00:18:36
00:18:36
ขอโปรดยกโทษให้ดิฉัน
ซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่านด้วย 00:18:41
00:18:41
พระยะโฮวาจะให้ลูกหลานของท่านปกครอง00:18:44
00:18:44
เป็นกษัตริย์ไปนานแสนนาน 00:18:45
00:18:45
เพราะท่านผู้เป็นนายของดิฉัน00:18:48
00:18:48
กำลังทำสงครามของพระยะโฮวา00:18:50
00:18:50
และท่านไม่เคยทำชั่วเลยตลอดชีวิต00:18:53
00:18:53
ถึงจะมีคนตามฆ่าท่าน00:18:56
00:18:56
แต่พระยะโฮวาพระเจ้า
ของท่านก็จะรักษาชีวิตท่าน00:19:01
00:19:01
ให้ปลอดภัยเหมือนของมีค่าที่ห่อเก็บไว้ในถุง00:19:05
00:19:05
ส่วนชีวิตของศัตรูของท่าน00:19:07
00:19:07
พระองค์จะเหวี่ยงทิ้งไป
เหมือนใช้เชือกเหวี่ยงก้อนหิน00:19:11
00:19:11
และเมื่อถึงเวลาที่พระยะโฮวาให้สิ่งดีๆ 00:19:15
00:19:15
กับท่านผู้เป็นนายของดิฉัน
อย่างที่พระองค์สัญญาไว้ 00:19:18
00:19:18
และตั้งท่านให้เป็นผู้นำของอิสราเอลแล้ว00:19:22
00:19:22
ท่านจะไม่เสียใจหรือรู้สึกผิด00:19:25
00:19:25
เพราะได้ฆ่าคนโดยไม่มีสาเหตุ00:19:28
00:19:28
หรือเพราะลงมือแก้แค้นเอง 00:19:30
00:19:30
และเมื่อพระยะโฮวาให้สิ่งดี ๆ 00:19:33
00:19:33
กับท่านผู้เป็นนายของดิฉันแล้ว00:19:35
00:19:35
ขอโปรดนึกถึงดิฉันซึ่งเป็น
คนรับใช้ของท่านด้วยเถอะค่ะ”00:19:40
00:19:41
คำพูดของอาบีกายิลทำให้เห็นว่า00:19:44
00:19:44
เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและรักพระยะโฮวา 00:19:47
00:19:48
เธอเข้าไปหาดาวิดด้วยความนับถือและถ่อมตัว 00:19:52
00:19:52
จากนั้นเธอก็พูดกับเขาตรงๆ เธอบอกดาวิดว่า 00:19:57
00:19:57
พระยะโฮวาเป็นผู้ส่งเธอมาห้ามเขา00:20:00
00:20:00
ไม่ให้ทำผิดเพราะฆ่าคนตาย00:20:02
00:20:02
หรือแก้แค้นด้วยตัวเอง00:20:04
00:20:05
เธอห้ามดาวิดไม่ให้ทำ
ในสิ่งที่จะส่งผลเสียหายร้ายแรง00:20:09
00:20:09
ที่อาจจะทำให้เขามานั่งเสียใจภายหลัง00:20:12
00:20:14
อาบีกายิลเตือนดาวิดให้คิดถึงความจริงที่ว่า 00:20:17
00:20:17
พระยะโฮวาจะจัดการกับคนที่ทำผิด 00:20:20
00:20:20
และเขาไม่ควรลงมือแก้แค้นด้วยตัวเอง00:20:23
00:20:24
อาบีกายิลพูดเหมือนกับที่ดาวิด00:20:28
00:20:28
เคยพูดกับซาอูลที่เอนเกดี00:20:30
00:20:30
เธออาจจะเคยได้ยินว่า00:20:32
00:20:32
ดาวิดไว้ชีวิตซาอูลตอนที่อยู่ในถ้ำ00:20:35
00:20:35
ดังนั้น เธอบอกกับดาวิดว่า 00:20:38
00:20:38
ขอให้อดทน รอให้
พระยะโฮวาจัดการเรื่องนี้00:20:43
00:20:43
ในเวลาและวิธีที่เหมาะสม00:20:45
00:20:46
แล้วดาวิดทำยังไงครับ?00:20:48
00:20:49
มาอ่านเรื่องนี้ต่อที่ 00:20:50
00:20:50
1 ซามูเอล 25:3200:20:53
00:20:55
ดาวิดจึงพูดกับอาบีกายิลว่า00:20:57
00:20:57
“ขอสรรเสริญพระยะโฮวา
พระเจ้าของอิสราเอล00:21:01
00:21:01
เพราะพระองค์ส่งคุณมาหาผมวันนี้!00:21:04
00:21:04
และขอพระเจ้าอวยพรคุณที่มีไหวพริบอย่างนี้!00:21:08
00:21:08
วันนี้คุณได้ห้ามผมไม่ให้ทำผิด00:21:11
00:21:11
เพราะฆ่าคนตายหรือ
แก้แค้นด้วยมือของผมเอง00:21:14
00:21:15
ผมสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่00:21:18
00:21:18
คือพระเจ้าของอิสราเอล00:21:20
00:21:20
ซึ่งเป็นผู้ห้ามผมไม่ให้ทำร้ายคุณว่า00:21:23
00:21:23
ถ้าคุณไม่ทำอย่างนี้ 00:21:25
00:21:25
เช้าวันพรุ่งนี้จะไม่มีผู้ชายแม้แต่คนเดียว00:21:28
00:21:28
เหลืออยู่ในบ้านของนาบาล”00:21:30
00:21:31
ดาวิดก็รับของที่อาบีกายิล00:21:33
00:21:33
เตรียมมาให้และบอกเธอว่า00:21:36
00:21:37
“ขอให้คุณกลับไปบ้านอย่างสบายใจเถอะ 00:21:39
00:21:39
ผมฟังคุณแล้ว 00:21:41
00:21:42
และผมจะทำตามที่คุณขอร้อง”00:21:44
00:21:46
ดาวิดฟังอาบีกายิล00:21:48
00:21:49
นี่เป็นเรื่องน่าประทับใจ 00:21:51
00:21:51
เพราะในสมัยนั้น 00:21:52
00:21:52
ผู้ชายมักจะไม่ฟังคำแนะนำของผู้หญิง00:21:55
00:21:56
ดาวิดฟังและเห็นด้วยกับสิ่งที่อาบีกายิลพูด00:22:00
00:22:00
และในที่สุดเขาก็เปลี่ยนใจ 00:22:02
00:22:03
ตอนนั้นคนของดาวิดอาจจะ
อยากไปจัดการกับนาบาล 00:22:07
00:22:07
แต่ดาวิดห้ามพวกเขาไว้ 00:22:09
00:22:09
เหมือนกับดาวิด 00:22:11
00:22:11
บางครั้งเราอาจกำลังจะทำสิ่งที่ไม่ฉลาด 00:22:14
00:22:14
แต่ถ้ามีคนมาเตือนเรา 00:22:16
00:22:16
เราก็น่าจะฟังเหมือนที่ดาวิดฟังอาบีกายิล00:22:19
00:22:19
“ประมาณ 10 วันต่อมา00:22:21
00:22:21
พระยะโฮวาลงโทษนาบาล 00:22:24
00:22:24
และเขาก็ตาย” 00:22:26
00:22:26
หลังจากนั้นอาบีกายิลก็
มาเป็นภรรยาของดาวิด00:22:29
00:22:32
ส่วนซาอูลตอนแรกดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนใจ00:22:35
00:22:35
แต่หลังจากนั้นเขาก็ยัง
ตามล่าดาวิดเหมือนเดิม00:22:38
00:22:38
ตอนนี้ดาวิดกับพรรคพวก
อยู่ในที่กันดารนอกเมืองศิฟ00:22:43
00:22:43
นี่เป็นครั้งที่สองที่คนในเมืองนี้หักหลังดาวิด 00:22:47
00:22:47
ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นตระกูลเดียวกัน00:22:50
00:22:50
ให้เราอ่านเรื่องนี้ด้วยกันที่ 00:22:52
00:22:52
1 ซามูเอล บท 26 เริ่มที่ข้อ 2 ครับ00:22:55
00:22:58
ซาอูลจึงพาชาวอิสราเอลที่เลือกไว้ 3,000 คน00:23:02
00:23:02
เข้าไปในที่กันดารนอกเมืองศิฟ00:23:04
00:23:04
เพื่อตามล่าดาวิด 00:23:06
00:23:06
ซาอูลตั้งค่ายอยู่ริมทางบนเขาฮาคีลาห์00:23:09
00:23:09
ตรงข้ามเขตเยชีโมน 00:23:11
00:23:11
ตอนนั้นดาวิดก็อยู่ในที่กันดารนั้น00:23:14
00:23:14
และเขาได้ยินว่าซาอูลมาตามล่าเขา00:23:17
00:23:17
ในที่กันดารแล้ว 00:23:18
00:23:18
ดาวิดจึงส่งคนไปสืบดูว่าซาอูลมาจริงหรือไม่00:23:22
00:23:23
หลังจากนั้น00:23:24
00:23:24
ดาวิดก็ไปตรงที่ซาอูลตั้งค่ายอยู่00:23:27
00:23:27
เขาเห็นที่ที่ซาอูลกับอับเนอร์ลูกของเนอร์00:23:30
00:23:30
ซึ่งเป็นแม่ทัพนอนอยู่00:23:32
00:23:33
ซาอูลนอนหลับอยู่ในค่าย00:23:34
00:23:34
และพวกทหารนอนอยู่รอบตัวเขา 00:23:37
00:23:37
ดาวิดจึงพูดกับอาหิเมเลคชาวฮิตไทต์00:23:40
00:23:40
และอาบีชัยลูกนางเศรุยาห์00:23:42
00:23:42
ซึ่งเป็นพี่น้องกับโยอาบว่า00:23:44
00:23:44
“ใครจะลงไปหาซาอูลที่ค่ายกับผมบ้าง?”00:23:48
00:23:48
อาบีชัยตอบว่า00:23:49
00:23:49
“ผมจะไป”00:23:51
00:23:51
ดาวิดกับอาบีชัยก็ไปที่ค่าย
ของซาอูลตอนกลางคืน 00:23:55
00:23:55
พวกเขาเห็นซาอูลนอนหลับอยู่ในค่าย00:23:58
00:23:58
และหอกของเขาปักอยู่ที่พื้นใกล้หัวเขา00:24:02
00:24:02
ส่วนอับเนอร์กับพวกทหาร
ก็นอนอยู่รอบตัวซาอูล 00:24:06
00:24:06
อาบีชัยบอกดาวิดว่า00:24:08
00:24:08
“วันนี้พระเจ้าได้ให้ศัตรูตกอยู่ในกำมือท่านแล้ว00:24:12
00:24:12
ขอให้ผมเอาหอกแทงเขาติดกับพื้นเถอะ 00:24:17
00:24:17
แค่ครั้งเดียว ไม่ต้องซ้ำเลย” 00:24:20
00:24:20
ตอนที่อยู่ในถ้ำ 00:24:22
00:24:22
ซาอูลเป็นฝ่ายมาหาดาวิด 00:24:25
00:24:25
แต่ครั้งนี้ดาวิดไปหาซาอูล00:24:28
00:24:29
เขาไปกับอาบีชัยหลานชาย00:24:31
00:24:31
ซึ่งเป็นนักรบที่กล้าหาญ 00:24:33
00:24:34
พวกเขาไปที่ค่ายของซาอูลตอนกลางคืน00:24:38
00:24:38
ค่อยๆ ย่องผ่านเต็นท์ที่พวกทหารนอนหลับอยู่00:24:41
00:24:42
นี่เป็นครั้งที่สองที่ซาอูล
ตกอยู่ในกำมือของดาวิด00:24:47
00:24:47
อาบีชัยขอเอาหอกแทงซาอูลติดกับพื้น00:24:51
00:24:51
เขามองว่ามีเหตุผลที่จะฆ่าซาอูล00:24:54
00:24:54
เพราะซาอูลตามล่าพวกเขาอย่างไม่ละลด00:24:57
00:24:57
ดาวิดไม่ต้องทำอะไรเลย00:25:00
00:25:00
แล้วหลังจากนั้นก็บอกว่า
อาบีชัยเป็นคนฆ่าซาอูลก็ได้00:25:04
00:25:05
แล้วดาวิดจะใช้โอกาสนี้
เพื่อกำจัดศัตรูของเขาไหม?00:25:09
00:25:10
เขาทำยังไง?00:25:11
00:25:11
ให้เรามาอ่านต่อที่00:25:13
00:25:13
1 ซามูเอล 26:9 ครับ00:25:16
00:25:18
แต่ดาวิดบอกอาบีชัยว่า00:25:20
00:25:20
“อย่าทำอะไรเขา 00:25:22
00:25:22
เพราะคนที่ทำร้ายผู้ที่
พระยะโฮวาเจิมไว้จะมีความผิดแน่”00:25:26
00:25:26
แล้วดาวิดก็พูดว่า00:25:28
00:25:29
“ผมสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ว่า00:25:32
00:25:32
พระยะโฮวาจะฆ่าเขาเองแน่นอน00:25:35
00:25:35
หรือไม่เขาก็จะตายเองเมื่อถึงเวลา00:25:37
00:25:37
หรือไม่ก็ตายในสนามรบ 00:25:39
00:25:40
พระยะโฮวาต้องไม่ชอบแน่ๆ00:25:43
00:25:43
ถ้าผมทำร้ายผู้ที่พระยะโฮวาเจิมไว้!00:25:46
00:25:48
ให้เราเอาหอกกับเหยือกน้ำ00:25:49
00:25:49
ที่อยู่ข้างหัวของเขามา แล้วไปกันเถอะ”00:25:53
00:25:54
ดาวิดหยิบหอกกับเหยือกน้ำ00:25:56
00:25:56
ที่อยู่ข้างหัวซาอูลแล้วก็ไป00:25:59
00:25:59
ไม่มีใครเห็นหรือตื่นขึ้นมาเลย 00:26:02
00:26:02
ทุกคนหลับกันหมด 00:26:04
00:26:04
เพราะพระยะโฮวาทำให้พวกเขาหลับสนิท00:26:08
00:26:10
ดาวิดไม่ได้หลอกตัวเอง00:26:12
00:26:12
แล้วก็คิดว่าคงไม่เป็นไรที่จะให้อาบีชัยฆ่าซาอูล00:26:16
00:26:17
เขาคิดเสมอว่าพระยะโฮวาจะจัดการซาอูลเอง 00:26:20
00:26:21
นี่เป็นอีกครั้งที่เขารอให้พระยะโฮวา00:26:24
00:26:24
จัดการกับปัญหาของเขา00:26:26
00:26:27
เราเห็นว่าเขารอพระยะโฮวาจริงๆ 00:26:29
00:26:29
ตอนที่เขากระซิบบอกอาบีชัยว่า00:26:32
00:26:32
ซาอูลอาจจะตายในสงครามก็ได้00:26:34
00:26:35
และหนึ่งปีต่อมาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ00:26:38
00:26:40
ชีวิตของดาวิดลำบากมาก00:26:42
00:26:42
ในช่วงที่เขาหนีซาอูล 00:26:44
00:26:45
และเขาก็อดทนรอคอยพระยะโฮวาเสมอ 00:26:48
00:26:48
และพยายามทำในสิ่งที่เขาทำได้00:26:51
00:26:52
อย่างเช่น ตอนที่เขาอาศัยอยู่00:26:54
00:26:54
ในดินแดนของชาวฟีลิสเตีย00:26:55
00:26:55
เขาก็ใช้โอกาสนี้ปกป้องชาติอิสราเอล00:26:58
00:26:58
จากการโจมตีของศัตรู 00:27:00
00:27:01
เหมือนกัน ตอนที่เราเจอกับปัญหา00:27:04
00:27:04
เราก็ควรพยายามทำสิ่งที่เราทำได้ 00:27:07
00:27:07
และมั่นใจว่าพระยะโฮวา00:27:10
00:27:10
จะช่วยเราในเวลาที่เหมาะสม00:27:12
00:27:13
ในที่สุด ดาวิดก็เป็นกษัตริย์ 00:27:16
00:27:16
เขาปกครองนาน 40 ปี 00:27:18
00:27:19
ในช่วงท้ายของชีวิต 00:27:20
00:27:20
เขาเขียนหนังสือสดุดีบท 3700:27:23
00:27:24
ตอนที่เขาแต่งเพลงนี้ 00:27:25
00:27:25
อาจเป็นไปได้ที่เขาจะนึกถึง 3 เหตุการณ์00:27:29
00:27:29
ที่เราได้อ่าน เขาเขียนเกี่ยวกับความอดทน00:27:32
00:27:32
การรอคอยพระยะโฮวา00:27:35
00:27:35
และคำสัญญาของพระยะโฮวาที่เกิดขึ้นจริง 00:27:38
00:27:39
สดุดีบทนี้มีทั้งคำแนะนำและเรื่องที่ให้กำลังใจเรา 00:27:43
00:27:43
ให้เราจบด้วยการอ่านข้อคัมภีร์ที่นั่นด้วยกัน00:27:47
00:27:48
ที่สดุดี 37:1-7 00:27:51
00:27:52
ผมจะให้เวลาเปิดนิดนึงนะครับ00:27:54
00:27:54
สดุดี 37:1-7 บอกว่า00:27:58
00:27:59
“อย่าเดือดร้อนเพราะคนทำชั่ว00:28:02
00:28:02
หรืออิจฉาคนทำผิด 00:28:05
00:28:05
พวกเขาจะเป็นเหมือนต้นหญ้า00:28:08
00:28:08
ที่แห้งไปอย่างรวดเร็ว00:28:09
00:28:09
และเหมือนหญ้าอ่อนเขียวสดที่เหี่ยวเฉาไป 00:28:12
00:28:13
ขอให้วางใจพระยะโฮวาและทำความดี 00:28:16
00:28:16
อยู่ในโลกนี้และเป็นคนซื่อสัตย์ 00:28:19
00:28:20
ชื่นชมยินดีกับสิ่งที่พระยะโฮวาทำ 00:28:23
00:28:23
แล้วพระองค์จะให้ตามที่ใจคุณต้องการ 00:28:27
00:28:29
ให้พระยะโฮวาชี้ทางให้คุณ00:28:31
00:28:31
ขอให้พึ่งพระองค์ แล้วพระองค์จะช่วยคุณ00:28:34
00:28:34
พระองค์จะทำให้ความดีของคุณ00:28:37
00:28:37
ส่องสว่างเหมือนแสงยามเช้า 00:28:39
00:28:39
และทำให้ความยุติธรรมของคุณเจิดจ้า00:28:42
00:28:42
เหมือนแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน 00:28:44
00:28:44
อย่าพูดอะไรต่อหน้าพระยะโฮวา00:28:47
00:28:47
ขอให้อดทนรอคอยพระองค์”00:28:51
ดาวิดรอคอยพระยะโฮวา
-
ดาวิดรอคอยพระยะโฮวา
เคยมีคนเยาะเย้ย ข่มเหง หรือต่อต้านคุณไหม?
คุณกำลังเจอปัญหายุ่งยาก
ที่ดูเหมือนว่าไม่มีทางออก
หรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรไม่ได้เลยไหม?
ถ้าใช่ คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าดาวิดก็เคยเจอแบบนี้ด้วย
และยังบอกด้วยว่าเขารับมือกับปัญหานี้ยังไง
เขาพูดไว้ที่สดุดี 62:5 ว่า
“ผมอดทนรอคอยพระเจ้าองค์เดียว”
นักวิชาการเชื่อว่าดาวิดถูกเจิม
เป็นกษัตริย์ตอนอายุ 15
นี่แสดงว่าเขาต้องรอถึง 22 ปี
กว่าจะได้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล
ในช่วงนั้น กษัตริย์ซาอูลตามล่าดาวิด
เพื่อพยายามจะฆ่าเขา
นี่ทำให้ดาวิดต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ
บางครั้งก็ไปอยู่ในถ้ำในที่กันดาร
และบางครั้งก็ต้องไปอยู่ใน
ดินแดนของคนต่างชาติ
ซึ่งเป็นศัตรูของอิสราเอล
ดาวิดเรียนรู้ที่จะอดทน
รอคอยการช่วยเหลือจากพระยะโฮวา
ให้เรามาดู 3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในช่วงเวลานั้นของชีวิตเขา
เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นใน
ที่กันดารนอกเมืองเอนเกดี
ซึ่งมีแต่ภูเขาหินชัน และถ้ำขนาดใหญ่
กษัตริย์ซาอูลอิจฉาและเกลียดดาวิดมาก
เขาไล่ล่าและตามฆ่าดาวิด
ดาวิดและพรรคพวกก็เลยต้องซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ
ลองคิดดูสิ พวกเขาไม่ได้อยู่แบบสบายๆ
พวกเขาต้องไปหาอาหาร หาฟืน หาน้ำ
แถมยังต้องระวังคนที่ตามล่าพวกเขาด้วย
แต่หลังจากนั้น
ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดบางอย่างเกิดขึ้น
ขอเปิดคัมภีร์ไบเบิลและอ่านด้วยกัน
ที่ 1 ซามูเอล บท 24 เราจะเริ่มที่ข้อ 2
ผมจะให้เวลาพี่น้องเปิดก่อนนะครับ
1 ซามูเอล บท 24 เราจะเริ่มอ่านที่ข้อ 2 ครับ
ซาอูลจึงพาชาวอิสราเอล
ที่เขาเลือกไว้ 3,000 คน
ไปตามล่าดาวิดกับพรรคพวกบนภูเขาหินชัน
ซึ่งเป็นที่อยู่ของแพะภูเขา
ซาอูลมาถึงคอกแกะที่อยู่ริมทาง
ที่นั่นมีถ้ำแห่งหนึ่ง
ซาอูลก็เข้าไปนั่งปลดทุกข์ในถ้ำ
ตอนนั้นดาวิดกับพรรคพวกนั่งอยู่
ในซอกหลืบที่อยู่ในสุดของถ้ำ
คนของดาวิดพูดกับดาวิดว่า
“วันนี้แหละที่พระยะโฮวาบอกท่านว่า
‘เราให้ศัตรูตกอยู่ในกำมือเจ้าแล้ว
เจ้าจะทำอะไรกับเขาก็ได้ตามที่เจ้าพอใจ’”
ตอนนั้นทหารที่ถูกฝึกอย่างดี 3,000 คน
กำลังออกตามล่าดาวิด
ลองนึกภาพว่าดาวิดกับพรรคพวก
ของเขาจะรู้สึกยังไง
เมื่อเห็นซาอูลเดินเข้ามาในถ้ำคนเดียว
โดยไม่มีทหารมาคอยปกป้อง
เมื่อซาอูลเดินเข้ามา
เขาคงมองไม่เห็นว่ามีใครอยู่ข้างใน
เพราะด้านนอกสว่างกว่า
แต่สำหรับคนที่อยู่ในถ้ำ
พวกเขาชินความมืดอยู่แล้ว
ดังนั้นพวกเขาเลยเห็นซาอูลได้อย่างชัดเจน
ตอนนี้ซาอูลดูเหมือนจะ
ตกอยู่ในกำมือของดาวิดแล้ว
ดาวิดควรจะฆ่าเขาไหม?
คนของดาวิดก็บอกให้เขาทำอย่างนั้น
เขาบอกว่าพระยะโฮวา
ให้ศัตรูตกอยู่ในมือท่านแล้ว
ที่จริงพระเจ้าต้องการให้ดาวิด
เป็นกษัตริย์แทนซาอูล
ดังนั้น ดาวิดก็มีเหตุผลที่จะฆ่าเขาไม่ใช่เหรอ?
ซาอูลทำหลายอย่างที่แย่มาก
เขาฆ่าปุโรหิตที่เมืองโนบ
เขายังฆ่าทุกคนในเมือง
ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็กและสัตว์
เพียงเพราะว่ามหาปุโรหิตอาหิเมเลค
ได้ให้ขนมปังกับดาวิดและคนของเขากิน
ลองคิดดู ถ้าดาวิดฆ่า
ซาอูลจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
ทุกคนก็จะปลอดภัย
ไม่ต้องมาอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ
ไม่ต้องไปหลบอยู่ในถ้ำอีก
แล้วดาวิดก็จะได้เป็นกษัตริย์ทันที
ตอนนั้นดาวิดคงต้องคิดถึงเรื่องเหล่านี้แน่ๆ
แต่เขาทำยังไง?
แล้วถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง?
ให้เรามาอ่านต่อกันครับ
ที่ 1 ซามูเอล 24:4 ครับ
ดาวิดจึงลุกขึ้น
และแอบเข้าไปตัดชายเสื้อคลุม
ไม่มีแขนของซาอูล
แต่หลังจากนั้นดาวิดรู้สึกผิด
ที่ตัดชายเสื้อคลุมไม่มีแขนของซาอูล
ดาวิดจึงพูดกับคนของเขาว่า
“ผมไม่ควรทำอย่างนี้กับนายของผม
เพราะเขาเป็นผู้ที่พระยะโฮวาเจิม
พระยะโฮวาต้องไม่ชอบแน่ๆ
ถ้าผมทำร้ายผู้ที่พระยะโฮวาเจิมไว้”
ดาวิดพูดอย่างนั้นเพื่อห้ามปรามคนของตน
และดาวิดไม่อนุญาต
ให้พวกเขาทำอะไรซาอูล
จากนั้นซาอูลก็ออกไปจากถ้ำ
ดาวิดไม่ได้ทำตามที่คนของเขาบอก
แต่เขาใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่า
เขาไม่ได้เป็นกบฏ
และไม่ได้อยากแก้แค้นที่ซาอูลทำกับเขา
อย่างโหดร้ายและไม่ยุติธรรม
ดาวิดคงต้องควบคุมตัวเองมากจริงๆ
และต้องมีความเชื่อด้วย
เชื่อว่าพระยะโฮวาจะช่วยเมื่อถึงเวลา
และตามวิธีของพระองค์
เรารู้ว่าดาวิดคิดยังไงจากสิ่งที่เขาพูดกับซาอูล
และจากคำพูดของเขา
ในสดุดีบท 57 ในข้อ 3
เขาบอกว่า
“[พระยะโฮวา]
จะส่งความช่วยเหลือ
ลงมาจากสวรรค์และช่วยผมให้รอด
พระองค์จะขัดขวางคนที่โจมตีผม”
บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่ายากมากที่จะอดทน
โดยเฉพาะเมื่อเราเจอกับเรื่องไม่ยุติธรรม
เราอาจพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
แต่จริงๆ แล้วมีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้นมาก
เราควรเป็นเหมือนดาวิดที่คิดก่อนว่า
พระยะโฮวามองเรื่องนั้นยังไง
บางครั้งเราอาจต้องลงมือจัดการ
แต่บางครั้งดีกว่าที่เราจะรอพระยะโฮวา
ให้ช่วยในเวลาที่เหมาะสม
เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ซาอูลออกจากถ้ำ?
ให้เรามาอ่านต่อด้วยกันครับ
ที่ 1 ซามูเอล 24:8
ข้อ 8 ครับ
ดาวิดลุกออกไปจากถ้ำและตะโกนเรียกซาอูลว่า
“ท่านกษัตริย์ผู้เป็นนายของผม!”
ดาวิดเหรอ?
เมื่อซาอูลหันไปดู
ดาวิดก็หมอบลงและซบหน้ากับพื้น
ทำความเคารพซาอูล
ดาวิดบอกซาอูลว่า
“ทำไมท่านไปฟังคนที่บอกว่า
ผมคิดทำร้ายท่าน?
วันนี้ท่านก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่า
พระยะโฮวาให้ท่านตกอยู่ในกำมือผมในถ้ำนี้
แต่พอมีคนบอกให้ฆ่าท่าน
ผมก็สงสารท่าน
และบอกเขาว่าผมจะไม่ทำร้ายนายของผม
เพราะท่านเป็นผู้ที่พระยะโฮวาเจิม
ดูนี่สิครับ ท่านพ่อของผม
ท่านเห็นชายเสื้อคลุมไม่มีแขน
ของท่านในมือผมไหม?
ตอนที่ผมตัดชายเสื้อคลุมของท่าน
ผมไม่ได้ฆ่าท่าน
ตอนนี้ท่านก็เห็นและเข้าใจแล้วว่า
ผมไม่ได้คิดจะทำร้ายท่านหรือกบฏต่อท่านเลย
ผมไม่ได้ทำผิดต่อท่าน
แต่ท่านกลับตามล่าเอาชีวิตผม
ขอพระยะโฮวาตัดสินเรื่องระหว่างท่านกับผม
และขอพระยะโฮวาแก้แค้นท่านแทนผม
แต่ผมจะไม่ทำร้ายท่านเลย
ภาษิตโบราณกล่าวว่า
‘ความชั่วออกมาจากคนชั่ว’
แต่ผมจะไม่ทำร้ายท่าน
ท่านผู้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล
ออกมาล่าผมหรือ?
ผมเป็นใคร?
ผมก็เป็นแค่หมาที่ตายแล้ว
และไม่ต่างอะไรกับหมัดตัวหนึ่ง
ขอพระยะโฮวาตัดสินเรื่องระหว่างท่านกับผม
พระองค์จะเห็นและจะสู้คดีแทนผม
พระองค์จะตัดสินผม
และจะช่วยผมให้รอดจากเงื้อมมือท่าน”
มีคนกล่าวหาดาวิดว่าอยากจะทำร้ายซาอูล
แต่การที่ดาวิดควบคุมตัวเองทำให้เห็นว่า
เขาไม่เคยคิดจะทำร้ายซาอูลเลย
นอกจากนั้น เขาพูดถึงสองครั้งว่า
ขอให้พระยะโฮวาตัดสินเรื่องของเขากับซาอูล
ทั้งๆ ที่ซาอูลตามล่าดาวิดอย่างไม่มีเหตุผล
แต่เขาก็ยังพูดกับซาอูลด้วยความนับถือ
และถ่อมใจรอพระยะโฮวาจัดการปัญหาของเขา
สิ่งที่ดาวิดพูดกับซาอูลมีพลังมากจริงๆ
พอรู้ว่าดาวิดไว้ชีวิตเขา
ซาอูลก็ตกใจมากแล้วพูดว่า
“พระยะโฮวาจะตอบแทนคุณด้วยสิ่งดีๆ
เพราะวันนี้คุณได้ไว้ชีวิตเรา
เรารู้ว่าคุณจะได้เป็นกษัตริย์แน่
และคุณกับลูกหลาน
จะปกครองอิสราเอลตลอดไป”
อัครสาวกเปาโลอาจคิดถึงเหตุการณ์นี้
ตอนที่เขาแนะนำคริสเตียนในโรมว่า
“อย่าแก้แค้นด้วยตัวเอง...
ให้เอาชนะความชั่วด้วยความดี”
บางครั้งการกระทำและคำพูดที่ดี
อาจทำให้คนที่ต่อต้านเราเปลี่ยนไปก็ได้
ซาอูลประทับใจความเมตตาของดาวิดมาก
แต่ซาอูลเลิกตามฆ่าดาวิดไหม?
เดี๋ยวเราจะได้คำตอบ
แต่เพราะเราเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ
บางครั้งเราก็เลยไม่แสดงความอดทน
ดาวิดก็เป็นอย่างนั้นด้วย
มีครั้งหนึ่งดาวิดโมโหมาก
เขาเกือบลงมือทำในสิ่งที่
จะก่อความเสียหายมาก
มาอ่านเรื่องนี้กันที่
1 ซามูเอล บท 25
ตอนนี้เราจะดูบทที่ 25 ข้อ 1
1 ซามูเอล บท 25 เริ่มอ่านที่ข้อ 1 ครับ
ต่อมา ซามูเอลก็ตาย
และชาวอิสราเอลมาชุมนุมกันเพื่อไว้อาลัย
และฝังศพซามูเอลไว้
ที่บ้านของเขาในเมืองรามาห์
แล้วดาวิดก็เข้าไปในที่กันดารปาราน
มีชายคนหนึ่งเป็นชาวเมืองมาโอน
แต่มีฝูงสัตว์อยู่ที่คาร์เมล
เขาร่ำรวยมาก
มีแกะ 3,000 ตัว
และแพะ 1,000 ตัว
ตอนนั้นเขากำลังตัดขนแกะ
ของเขาอยู่ที่คาร์เมล
ผู้ชายคนนี้ชื่อนาบาล
ภรรยาของเขาชื่ออาบีกายิล
เธอเป็นคนสวยและฉลาด
แต่สามีของเธอซึ่งเป็นลูกหลาน
คาเลบเป็นคนก้าวร้าว
และนิสัยไม่ดี
ตอนดาวิดอยู่ในที่กันดาร
เขาได้ยินว่านาบาลกำลังตัดขนแกะอยู่
ดาวิดจึงส่งคนหนุ่ม ๆ 10 คน
ไปหานาบาลและสั่งพวกเขาว่า
“ขึ้นไปที่เมืองคาร์เมล
และเมื่อเจอนาบาลก็ให้
บอกเขาว่าดาวิดฝากทักทาย
และบอกเขาว่า ‘ขอให้คุณอายุยืนยาว
และขอให้คุณกับครอบครัว
และทุกคนที่อยู่กับคุณอยู่ดีมีสุข
ผมได้ยินว่าคุณกำลังตัดขนแกะอยู่
ตอนที่คนเลี้ยงแกะของคุณอยู่กับพวกเรา
พวกเราไม่เคยทำร้ายพวกเขา
และตลอดเวลาที่พวกเขา
อยู่กับพวกเราในคาร์เมล
ไม่มีอะไรของพวกเขาหายไปเลย
ถามคนงานหนุ่มๆ ของคุณดูก็ได้
แล้วพวกเขาจะบอกคุณ
ขอเมตตาคนของผมด้วย
เพราะพวกเรามาหาคุณ
ในวันที่มีงานเลี้ยงรื่นเริง
ขอแบ่งอะไรก็ได้ให้พวกเรา
ซึ่งเป็นคนรับใช้ของคุณ
และให้ดาวิดลูกของคุณบ้างเถอะ’”
คนของดาวิดไปหานาบาล
และพูดตามที่ดาวิดสั่ง
พอพวกเขาพูดจบ
นาบาลตอบคนของดาวิดว่า
“ดาวิดเป็นใครกัน?
ลูกเจสซีคนนี้เป็นใคร?
สมัยนี้มีคนรับใช้ตั้งเยอะแยะที่หนีจากเจ้านาย
เรื่องอะไรเราจะต้องเอาขนมปังกับน้ำ
และเนื้อที่เราเตรียมไว้ให้คนตัดขนแกะของเรา
ไปให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้?”
ช่วงที่มีการตัดขนแกะ
มักจะเป็นช่วงที่มีงานเลี้ยงรื่นเริง
ตอนนั้นนาบาลกินเลี้ยงอย่างมีความสุข
เขามีแกะหลายตัว
และคนของดาวิดก็ช่วยปกป้อง
พวกมันจากกองโจร
ดังนั้นนาบาลก็ควรขอบคุณ
และมีน้ำใจต่อดาวิด
แต่พอคนของดาวิด
ไปขออาหารจากเขาอย่างสุภาพ
นาบาลปฏิเสธ
แถมยังดูถูกดาวิดด้วย
มาดูว่าดาวิดมีท่าทียังไง
อ่านต่อด้วยกันครับที่
1 ซามูเอล บท 25 เริ่มที่ข้อ 12 ครับ
คนของดาวิดก็กลับไปรายงาน
ดาวิดตามที่นาบาลพูด
ดาวิดสั่งคนของเขาทันทีว่า
“ทุกคนคาดดาบ!”
พวกเขาจึงเอาดาบมาคาดเอว
ดาวิดก็คาดดาบด้วย
มีคนประมาณ 400 คนไปกับดาวิด
ส่วนอีก 200 คนอยู่เฝ้าสัมภาระ
ระหว่างนั้น มีคนรับใช้คนหนึ่ง
มาบอกอาบีกายิลภรรยาของนาบาลว่า
“นายหญิง!
ดาวิดส่งคนมาจากที่กันดาร
เพื่ออวยพรนายของเรา
แต่นายกลับด่าว่าพวกเขา
อะไรนะ
พวกเขาดีกับเรามาก
ไม่เคยทำร้ายเราเลย
ตอนที่เราอยู่กับพวกเขาในทุ่งหญ้า
ไม่มีอะไรของเราหายไปเลย
ตลอดเวลาที่เราอยู่กับพวกเขา
ช่วงที่ออกไปเลี้ยงแกะ
พวกเขาเป็นเหมือนกำแพง
ที่คอยปกป้องเราทั้งกลางวันกลางคืน
โอ้!
นายหญิงตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเถอะครับ
ไม่อย่างนั้น
นายของเรากับคนทั้งบ้านจะต้องตายแน่
นายเป็นคนไม่ได้เรื่อง
ไม่มีใครพูดกับเขาได้”
อาบีกายิลจึงรีบเตรียมขนมปัง 200 ก้อน
เหล้าองุ่น 2 ไหใหญ่
แกะที่ฆ่าเรียบร้อยแล้ว 5 ตัว
ข้าวคั่ว 5 ซีห์
ลูกเกดที่ทำเป็นก้อน 100 ก้อน
และมะเดื่อที่ทำเป็นก้อน 200 ก้อน...
เอ้านี่
...แล้วเอาของเหล่านี้ใส่หลังลา
เอาไป
แล้วอาบีกายิลก็สั่งพวกคนรับใช้ว่า
“เดินทางล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไป”
แต่เธอไม่ได้บอกนาบาลสามีของเธอ
ตอนที่อาบีกายิลกำลังขี่ลาไปตามซอกเขา
ดาวิดกับพรรคพวกก็ลงมาเจอเธอพอดี
ก่อนหน้านี้ดาวิดพูดว่า
“ผมอุตส่าห์ช่วยดูแลสมบัติทุกอย่าง
ของคนคนนี้ในที่กันดาร
ของของเขาแม้แต่อย่างเดียวก็ไม่เคยหาย
แต่สิ่งที่ผมทำไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เขากลับตอบแทนความดีของผมด้วยความชั่ว
ถ้าผมปล่อยให้ผู้ชายในบ้านของเขา
แม้แต่คนเดียวมีชีวิตอยู่จนถึงพรุ่งนี้เช้า
ก็ขอให้พระเจ้าลงโทษศัตรูของดาวิด
ให้หนักกว่านั้นอีก”
พอได้ยินว่านาบาลพูดยังไงดาวิดก็โมโหมาก
เขาก็เลยสั่งให้คนของเขาคาดดาบทันที
โดยไม่ได้ปรึกษาพระยะโฮวาก่อน
ดาวิดกับคนของเขาตั้งใจ
ที่จะฆ่าผู้ชายทุกคนในบ้านของนาบาล
แต่การทำอย่างนี้มันไม่ถูก
ถึงนาบาลจะเป็นคนไม่ดี
และก็จริงที่ดาวิดควรได้รับ
ผลตอบแทนจากสิ่งที่เขาทำ
แต่ดาวิดก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง
เอาของของนาบาล
และก็ไม่มีเหตุผลด้วย
ที่จะต้องฆ่าชาวอิสราเอลด้วยกันเอง
รวมทั้งคนในบ้านของเขา
คนใช้ของนาบาลรู้ว่าจะมีหายนะเกิดขึ้น
ก็เลยรวบรวมความกล้าไปหาอาบีกายิล
และบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ
เขารู้ว่าถ้าไปบอกนาบาล
นาบาลก็คงไม่ฟัง
แต่เขามั่นใจว่าอาบีกายิลจะฟังแน่นอน
เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มีความเข้าใจ
และรักพระยะโฮวา
ถึงเราจะรู้ไม่มากเกี่ยวกับอาบีกายิล
แต่การเป็นภรรยาของนาบาลก็คงไม่ง่ายเลย
เขาเป็นคนก้าวร้าวและหยิ่งมาก
อาจเป็นไปได้ที่เธอไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับเขา
อาบีกายิลพูดถึงนาบาลว่า
“เขาก็โง่เหมือนชื่อของเขานั่นแหละ”
ถ้าอาบีกายิลซึ่งเป็นผู้หญิง
ที่รักพระยะโฮวายังพูดแบบนี้
ก็แสดงว่านาบาลคงทำไม่ดีกับเธอมากๆ
เมื่อคนใช้มาบอกอาบีกายิล
เธอก็รู้ว่าต้องรีบลงมือทำบางอย่างทันที
แต่ทำอะไรล่ะ?
จะไปคุยกับนาบาลดีไหม?
คงไม่ เพราะนาบาลไม่มีเหตุผล
งั้นจะหนีไปเลยดีไหม?
ถ้าดาวิดเป็นคนแบบนาบาล
การหนีไปก็เป็นทางเลือกที่ดี
แต่เธอรู้ว่าดาวิดเป็นคน
ที่มีเหตุผลและรักพระยะโฮวา
เธอเลยรีบเตรียมอาหารแล้วออกไปเจอเขา
ให้เราอ่านต่อด้วยกันที่
1 ซามูเอล 25:23 ครับ
เมื่ออาบีกายิลเห็นดาวิด
เธอรีบลงจากหลังลามาหมอบตรงหน้าดาวิด
และซบหน้าลงกับพื้น
เธอเข้ามาหมอบแทบเท้าดาวิดและพูดว่า
“นายท่าน ทั้งหมดเป็นความผิดของดิฉันเอง
ขอให้ดิฉันได้พูดกับท่าน
ขอให้ท่านฟังดิฉันซึ่งเป็น
คนรับใช้ของท่านก่อนเถอะค่ะ
ขอนายท่านอย่าใส่ใจกับคน
ที่ไม่ได้เรื่องอย่างนาบาลเลย
เขาชื่อนาบาลและเขาก็โง่
เหมือนชื่อของเขานั่นแหละ
ดิฉันซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่าน
ไม่เห็นคนหนุ่มที่ท่านส่งมาเลย
ท่านคะ ดิฉันขอสาบานต่อพระยะโฮวา
ผู้มีชีวิตอยู่และต่อท่านว่า
จริง ๆ แล้วพระยะโฮวาเป็นผู้ห้ามท่าน
ไม่ให้ทำผิดเพราะฆ่าคนตาย
หรือแก้แค้นด้วยมือของท่านเอง
ขอให้ศัตรูของท่านและคนที่คิดทำร้ายท่าน
ผู้เป็นนายของดิฉันเป็นเหมือนนาบาล
ตอนนี้ขอท่านโปรดรับของขวัญเหล่านี้
จากดิฉันซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่าน
และเอาไปให้คนของท่านด้วยเถอะ
ขอโปรดยกโทษให้ดิฉัน
ซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่านด้วย
พระยะโฮวาจะให้ลูกหลานของท่านปกครอง
เป็นกษัตริย์ไปนานแสนนาน
เพราะท่านผู้เป็นนายของดิฉัน
กำลังทำสงครามของพระยะโฮวา
และท่านไม่เคยทำชั่วเลยตลอดชีวิต
ถึงจะมีคนตามฆ่าท่าน
แต่พระยะโฮวาพระเจ้า
ของท่านก็จะรักษาชีวิตท่าน
ให้ปลอดภัยเหมือนของมีค่าที่ห่อเก็บไว้ในถุง
ส่วนชีวิตของศัตรูของท่าน
พระองค์จะเหวี่ยงทิ้งไป
เหมือนใช้เชือกเหวี่ยงก้อนหิน
และเมื่อถึงเวลาที่พระยะโฮวาให้สิ่งดีๆ
กับท่านผู้เป็นนายของดิฉัน
อย่างที่พระองค์สัญญาไว้
และตั้งท่านให้เป็นผู้นำของอิสราเอลแล้ว
ท่านจะไม่เสียใจหรือรู้สึกผิด
เพราะได้ฆ่าคนโดยไม่มีสาเหตุ
หรือเพราะลงมือแก้แค้นเอง
และเมื่อพระยะโฮวาให้สิ่งดี ๆ
กับท่านผู้เป็นนายของดิฉันแล้ว
ขอโปรดนึกถึงดิฉันซึ่งเป็น
คนรับใช้ของท่านด้วยเถอะค่ะ”
คำพูดของอาบีกายิลทำให้เห็นว่า
เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและรักพระยะโฮวา
เธอเข้าไปหาดาวิดด้วยความนับถือและถ่อมตัว
จากนั้นเธอก็พูดกับเขาตรงๆ เธอบอกดาวิดว่า
พระยะโฮวาเป็นผู้ส่งเธอมาห้ามเขา
ไม่ให้ทำผิดเพราะฆ่าคนตาย
หรือแก้แค้นด้วยตัวเอง
เธอห้ามดาวิดไม่ให้ทำ
ในสิ่งที่จะส่งผลเสียหายร้ายแรง
ที่อาจจะทำให้เขามานั่งเสียใจภายหลัง
อาบีกายิลเตือนดาวิดให้คิดถึงความจริงที่ว่า
พระยะโฮวาจะจัดการกับคนที่ทำผิด
และเขาไม่ควรลงมือแก้แค้นด้วยตัวเอง
อาบีกายิลพูดเหมือนกับที่ดาวิด
เคยพูดกับซาอูลที่เอนเกดี
เธออาจจะเคยได้ยินว่า
ดาวิดไว้ชีวิตซาอูลตอนที่อยู่ในถ้ำ
ดังนั้น เธอบอกกับดาวิดว่า
ขอให้อดทน รอให้
พระยะโฮวาจัดการเรื่องนี้
ในเวลาและวิธีที่เหมาะสม
แล้วดาวิดทำยังไงครับ?
มาอ่านเรื่องนี้ต่อที่
1 ซามูเอล 25:32
ดาวิดจึงพูดกับอาบีกายิลว่า
“ขอสรรเสริญพระยะโฮวา
พระเจ้าของอิสราเอล
เพราะพระองค์ส่งคุณมาหาผมวันนี้!
และขอพระเจ้าอวยพรคุณที่มีไหวพริบอย่างนี้!
วันนี้คุณได้ห้ามผมไม่ให้ทำผิด
เพราะฆ่าคนตายหรือ
แก้แค้นด้วยมือของผมเอง
ผมสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่
คือพระเจ้าของอิสราเอล
ซึ่งเป็นผู้ห้ามผมไม่ให้ทำร้ายคุณว่า
ถ้าคุณไม่ทำอย่างนี้
เช้าวันพรุ่งนี้จะไม่มีผู้ชายแม้แต่คนเดียว
เหลืออยู่ในบ้านของนาบาล”
ดาวิดก็รับของที่อาบีกายิล
เตรียมมาให้และบอกเธอว่า
“ขอให้คุณกลับไปบ้านอย่างสบายใจเถอะ
ผมฟังคุณแล้ว
และผมจะทำตามที่คุณขอร้อง”
ดาวิดฟังอาบีกายิล
นี่เป็นเรื่องน่าประทับใจ
เพราะในสมัยนั้น
ผู้ชายมักจะไม่ฟังคำแนะนำของผู้หญิง
ดาวิดฟังและเห็นด้วยกับสิ่งที่อาบีกายิลพูด
และในที่สุดเขาก็เปลี่ยนใจ
ตอนนั้นคนของดาวิดอาจจะ
อยากไปจัดการกับนาบาล
แต่ดาวิดห้ามพวกเขาไว้
เหมือนกับดาวิด
บางครั้งเราอาจกำลังจะทำสิ่งที่ไม่ฉลาด
แต่ถ้ามีคนมาเตือนเรา
เราก็น่าจะฟังเหมือนที่ดาวิดฟังอาบีกายิล
“ประมาณ 10 วันต่อมา
พระยะโฮวาลงโทษนาบาล
และเขาก็ตาย”
หลังจากนั้นอาบีกายิลก็
มาเป็นภรรยาของดาวิด
ส่วนซาอูลตอนแรกดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนใจ
แต่หลังจากนั้นเขาก็ยัง
ตามล่าดาวิดเหมือนเดิม
ตอนนี้ดาวิดกับพรรคพวก
อยู่ในที่กันดารนอกเมืองศิฟ
นี่เป็นครั้งที่สองที่คนในเมืองนี้หักหลังดาวิด
ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นตระกูลเดียวกัน
ให้เราอ่านเรื่องนี้ด้วยกันที่
1 ซามูเอล บท 26 เริ่มที่ข้อ 2 ครับ
ซาอูลจึงพาชาวอิสราเอลที่เลือกไว้ 3,000 คน
เข้าไปในที่กันดารนอกเมืองศิฟ
เพื่อตามล่าดาวิด
ซาอูลตั้งค่ายอยู่ริมทางบนเขาฮาคีลาห์
ตรงข้ามเขตเยชีโมน
ตอนนั้นดาวิดก็อยู่ในที่กันดารนั้น
และเขาได้ยินว่าซาอูลมาตามล่าเขา
ในที่กันดารแล้ว
ดาวิดจึงส่งคนไปสืบดูว่าซาอูลมาจริงหรือไม่
หลังจากนั้น
ดาวิดก็ไปตรงที่ซาอูลตั้งค่ายอยู่
เขาเห็นที่ที่ซาอูลกับอับเนอร์ลูกของเนอร์
ซึ่งเป็นแม่ทัพนอนอยู่
ซาอูลนอนหลับอยู่ในค่าย
และพวกทหารนอนอยู่รอบตัวเขา
ดาวิดจึงพูดกับอาหิเมเลคชาวฮิตไทต์
และอาบีชัยลูกนางเศรุยาห์
ซึ่งเป็นพี่น้องกับโยอาบว่า
“ใครจะลงไปหาซาอูลที่ค่ายกับผมบ้าง?”
อาบีชัยตอบว่า
“ผมจะไป”
ดาวิดกับอาบีชัยก็ไปที่ค่าย
ของซาอูลตอนกลางคืน
พวกเขาเห็นซาอูลนอนหลับอยู่ในค่าย
และหอกของเขาปักอยู่ที่พื้นใกล้หัวเขา
ส่วนอับเนอร์กับพวกทหาร
ก็นอนอยู่รอบตัวซาอูล
อาบีชัยบอกดาวิดว่า
“วันนี้พระเจ้าได้ให้ศัตรูตกอยู่ในกำมือท่านแล้ว
ขอให้ผมเอาหอกแทงเขาติดกับพื้นเถอะ
แค่ครั้งเดียว ไม่ต้องซ้ำเลย”
ตอนที่อยู่ในถ้ำ
ซาอูลเป็นฝ่ายมาหาดาวิด
แต่ครั้งนี้ดาวิดไปหาซาอูล
เขาไปกับอาบีชัยหลานชาย
ซึ่งเป็นนักรบที่กล้าหาญ
พวกเขาไปที่ค่ายของซาอูลตอนกลางคืน
ค่อยๆ ย่องผ่านเต็นท์ที่พวกทหารนอนหลับอยู่
นี่เป็นครั้งที่สองที่ซาอูล
ตกอยู่ในกำมือของดาวิด
อาบีชัยขอเอาหอกแทงซาอูลติดกับพื้น
เขามองว่ามีเหตุผลที่จะฆ่าซาอูล
เพราะซาอูลตามล่าพวกเขาอย่างไม่ละลด
ดาวิดไม่ต้องทำอะไรเลย
แล้วหลังจากนั้นก็บอกว่า
อาบีชัยเป็นคนฆ่าซาอูลก็ได้
แล้วดาวิดจะใช้โอกาสนี้
เพื่อกำจัดศัตรูของเขาไหม?
เขาทำยังไง?
ให้เรามาอ่านต่อที่
1 ซามูเอล 26:9 ครับ
แต่ดาวิดบอกอาบีชัยว่า
“อย่าทำอะไรเขา
เพราะคนที่ทำร้ายผู้ที่
พระยะโฮวาเจิมไว้จะมีความผิดแน่”
แล้วดาวิดก็พูดว่า
“ผมสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ว่า
พระยะโฮวาจะฆ่าเขาเองแน่นอน
หรือไม่เขาก็จะตายเองเมื่อถึงเวลา
หรือไม่ก็ตายในสนามรบ
พระยะโฮวาต้องไม่ชอบแน่ๆ
ถ้าผมทำร้ายผู้ที่พระยะโฮวาเจิมไว้!
ให้เราเอาหอกกับเหยือกน้ำ
ที่อยู่ข้างหัวของเขามา แล้วไปกันเถอะ”
ดาวิดหยิบหอกกับเหยือกน้ำ
ที่อยู่ข้างหัวซาอูลแล้วก็ไป
ไม่มีใครเห็นหรือตื่นขึ้นมาเลย
ทุกคนหลับกันหมด
เพราะพระยะโฮวาทำให้พวกเขาหลับสนิท
ดาวิดไม่ได้หลอกตัวเอง
แล้วก็คิดว่าคงไม่เป็นไรที่จะให้อาบีชัยฆ่าซาอูล
เขาคิดเสมอว่าพระยะโฮวาจะจัดการซาอูลเอง
นี่เป็นอีกครั้งที่เขารอให้พระยะโฮวา
จัดการกับปัญหาของเขา
เราเห็นว่าเขารอพระยะโฮวาจริงๆ
ตอนที่เขากระซิบบอกอาบีชัยว่า
ซาอูลอาจจะตายในสงครามก็ได้
และหนึ่งปีต่อมาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ชีวิตของดาวิดลำบากมาก
ในช่วงที่เขาหนีซาอูล
และเขาก็อดทนรอคอยพระยะโฮวาเสมอ
และพยายามทำในสิ่งที่เขาทำได้
อย่างเช่น ตอนที่เขาอาศัยอยู่
ในดินแดนของชาวฟีลิสเตีย
เขาก็ใช้โอกาสนี้ปกป้องชาติอิสราเอล
จากการโจมตีของศัตรู
เหมือนกัน ตอนที่เราเจอกับปัญหา
เราก็ควรพยายามทำสิ่งที่เราทำได้
และมั่นใจว่าพระยะโฮวา
จะช่วยเราในเวลาที่เหมาะสม
ในที่สุด ดาวิดก็เป็นกษัตริย์
เขาปกครองนาน 40 ปี
ในช่วงท้ายของชีวิต
เขาเขียนหนังสือสดุดีบท 37
ตอนที่เขาแต่งเพลงนี้
อาจเป็นไปได้ที่เขาจะนึกถึง 3 เหตุการณ์
ที่เราได้อ่าน เขาเขียนเกี่ยวกับความอดทน
การรอคอยพระยะโฮวา
และคำสัญญาของพระยะโฮวาที่เกิดขึ้นจริง
สดุดีบทนี้มีทั้งคำแนะนำและเรื่องที่ให้กำลังใจเรา
ให้เราจบด้วยการอ่านข้อคัมภีร์ที่นั่นด้วยกัน
ที่สดุดี 37:1-7
ผมจะให้เวลาเปิดนิดนึงนะครับ
สดุดี 37:1-7 บอกว่า
“อย่าเดือดร้อนเพราะคนทำชั่ว
หรืออิจฉาคนทำผิด
พวกเขาจะเป็นเหมือนต้นหญ้า
ที่แห้งไปอย่างรวดเร็ว
และเหมือนหญ้าอ่อนเขียวสดที่เหี่ยวเฉาไป
ขอให้วางใจพระยะโฮวาและทำความดี
อยู่ในโลกนี้และเป็นคนซื่อสัตย์
ชื่นชมยินดีกับสิ่งที่พระยะโฮวาทำ
แล้วพระองค์จะให้ตามที่ใจคุณต้องการ
ให้พระยะโฮวาชี้ทางให้คุณ
ขอให้พึ่งพระองค์ แล้วพระองค์จะช่วยคุณ
พระองค์จะทำให้ความดีของคุณ
ส่องสว่างเหมือนแสงยามเช้า
และทำให้ความยุติธรรมของคุณเจิดจ้า
เหมือนแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
อย่าพูดอะไรต่อหน้าพระยะโฮวา
ขอให้อดทนรอคอยพระองค์”
-