JW subtitle extractor

ดาวิดรอคอยพระยะโฮวา

Video Other languages Share text Share link Show times

เคยมีคนเยาะเย้ย ข่มเหง หรือต่อต้านคุณไหม?
คุณกำลังเจอปัญหายุ่งยาก
ที่ดูเหมือนว่าไม่มีทางออก
หรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรไม่ได้เลยไหม?
ถ้าใช่ คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าดาวิดก็เคยเจอแบบนี้ด้วย
และยังบอกด้วยว่าเขารับมือกับปัญหานี้ยังไง
เขาพูดไว้ที่สดุดี 62:5 ว่า
“ผมอดทนรอคอยพระเจ้าองค์เดียว”
นักวิชาการเชื่อว่าดาวิดถูกเจิม
เป็นกษัตริย์ตอนอายุ 15
นี่แสดงว่าเขาต้องรอถึง 22 ปี
กว่าจะได้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล
ในช่วงนั้น กษัตริย์ซาอูลตามล่าดาวิด
เพื่อพยายามจะฆ่าเขา
นี่ทำให้ดาวิดต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ
บางครั้งก็ไปอยู่ในถ้ำในที่กันดาร
และบางครั้งก็ต้องไปอยู่ใน
ดินแดนของคนต่างชาติ
ซึ่งเป็นศัตรูของอิสราเอล
ดาวิดเรียนรู้ที่จะอดทน
รอคอยการช่วยเหลือจากพระยะโฮวา
ให้เรามาดู 3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในช่วงเวลานั้นของชีวิตเขา
เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นใน
ที่กันดารนอกเมืองเอนเกดี 
ซึ่งมีแต่ภูเขาหินชัน และถ้ำขนาดใหญ่
กษัตริย์ซาอูลอิจฉาและเกลียดดาวิดมาก
เขาไล่ล่าและตามฆ่าดาวิด
ดาวิดและพรรคพวกก็เลยต้องซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ
ลองคิดดูสิ พวกเขาไม่ได้อยู่แบบสบายๆ
พวกเขาต้องไปหาอาหาร หาฟืน หาน้ำ
แถมยังต้องระวังคนที่ตามล่าพวกเขาด้วย
แต่หลังจากนั้น
ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดบางอย่างเกิดขึ้น
ขอเปิดคัมภีร์ไบเบิลและอ่านด้วยกัน
ที่ 1 ซามูเอล บท 24 เราจะเริ่มที่ข้อ 2
ผมจะให้เวลาพี่น้องเปิดก่อนนะครับ
1 ซามูเอล บท 24 เราจะเริ่มอ่านที่ข้อ 2 ครับ
ซาอูลจึงพาชาวอิสราเอล
ที่เขาเลือกไว้ 3,000 คน
ไปตามล่าดาวิดกับพรรคพวกบนภูเขาหินชัน
ซึ่งเป็นที่อยู่ของแพะภูเขา
ซาอูลมาถึงคอกแกะที่อยู่ริมทาง
ที่นั่นมีถ้ำแห่งหนึ่ง
ซาอูลก็เข้าไปนั่งปลดทุกข์ในถ้ำ
ตอนนั้นดาวิดกับพรรคพวกนั่งอยู่
ในซอกหลืบที่อยู่ในสุดของถ้ำ
คนของดาวิดพูดกับดาวิดว่า
“วันนี้แหละที่พระยะโฮวาบอกท่านว่า
‘เราให้ศัตรูตกอยู่ในกำมือเจ้าแล้ว
เจ้าจะทำอะไรกับเขาก็ได้ตามที่เจ้าพอใจ’”
ตอนนั้นทหารที่ถูกฝึกอย่างดี 3,000 คน
กำลังออกตามล่าดาวิด
ลองนึกภาพว่าดาวิดกับพรรคพวก
ของเขาจะรู้สึกยังไง
เมื่อเห็นซาอูลเดินเข้ามาในถ้ำคนเดียว
โดยไม่มีทหารมาคอยปกป้อง
เมื่อซาอูลเดินเข้ามา
เขาคงมองไม่เห็นว่ามีใครอยู่ข้างใน
เพราะด้านนอกสว่างกว่า
แต่สำหรับคนที่อยู่ในถ้ำ
พวกเขาชินความมืดอยู่แล้ว
ดังนั้นพวกเขาเลยเห็นซาอูลได้อย่างชัดเจน
ตอนนี้ซาอูลดูเหมือนจะ
ตกอยู่ในกำมือของดาวิดแล้ว
ดาวิดควรจะฆ่าเขาไหม?
คนของดาวิดก็บอกให้เขาทำอย่างนั้น
เขาบอกว่าพระยะโฮวา
ให้ศัตรูตกอยู่ในมือท่านแล้ว
ที่จริงพระเจ้าต้องการให้ดาวิด
เป็นกษัตริย์แทนซาอูล
ดังนั้น ดาวิดก็มีเหตุผลที่จะฆ่าเขาไม่ใช่เหรอ?
ซาอูลทำหลายอย่างที่แย่มาก
เขาฆ่าปุโรหิตที่เมืองโนบ
เขายังฆ่าทุกคนในเมือง
ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็กและสัตว์
เพียงเพราะว่ามหาปุโรหิตอาหิเมเลค
ได้ให้ขนมปังกับดาวิดและคนของเขากิน
ลองคิดดู ถ้าดาวิดฆ่า
ซาอูลจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
ทุกคนก็จะปลอดภัย
ไม่ต้องมาอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ
ไม่ต้องไปหลบอยู่ในถ้ำอีก
แล้วดาวิดก็จะได้เป็นกษัตริย์ทันที
ตอนนั้นดาวิดคงต้องคิดถึงเรื่องเหล่านี้แน่ๆ
แต่เขาทำยังไง?
แล้วถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง?
ให้เรามาอ่านต่อกันครับ
ที่ 1 ซามูเอล 24:4 ครับ
ดาวิดจึงลุกขึ้น
และแอบเข้าไปตัดชายเสื้อคลุม
ไม่มีแขนของซาอูล
แต่หลังจากนั้นดาวิดรู้สึกผิด
ที่ตัดชายเสื้อคลุมไม่มีแขนของซาอูล
ดาวิดจึงพูดกับคนของเขาว่า
“ผมไม่ควรทำอย่างนี้กับนายของผม
เพราะเขาเป็นผู้ที่พระยะโฮวาเจิม
พระยะโฮวาต้องไม่ชอบแน่ๆ
ถ้าผมทำร้ายผู้ที่พระยะโฮวาเจิมไว้”
ดาวิดพูดอย่างนั้นเพื่อห้ามปรามคนของตน
และดาวิดไม่อนุญาต
ให้พวกเขาทำอะไรซาอูล
จากนั้นซาอูลก็ออกไปจากถ้ำ
ดาวิดไม่ได้ทำตามที่คนของเขาบอก
แต่เขาใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่า
เขาไม่ได้เป็นกบฏ
และไม่ได้อยากแก้แค้นที่ซาอูลทำกับเขา
อย่างโหดร้ายและไม่ยุติธรรม
ดาวิดคงต้องควบคุมตัวเองมากจริงๆ
และต้องมีความเชื่อด้วย
เชื่อว่าพระยะโฮวาจะช่วยเมื่อถึงเวลา
และตามวิธีของพระองค์
เรารู้ว่าดาวิดคิดยังไงจากสิ่งที่เขาพูดกับซาอูล
และจากคำพูดของเขา
ในสดุดีบท 57 ในข้อ 3
เขาบอกว่า
“[พระยะโฮวา]
จะส่งความช่วยเหลือ
ลงมาจากสวรรค์และช่วยผมให้รอด
พระองค์จะขัดขวางคนที่โจมตีผม”
บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่ายากมากที่จะอดทน
โดยเฉพาะเมื่อเราเจอกับเรื่องไม่ยุติธรรม
เราอาจพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
แต่จริงๆ แล้วมีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้นมาก
เราควรเป็นเหมือนดาวิดที่คิดก่อนว่า
พระยะโฮวามองเรื่องนั้นยังไง
บางครั้งเราอาจต้องลงมือจัดการ
แต่บางครั้งดีกว่าที่เราจะรอพระยะโฮวา
ให้ช่วยในเวลาที่เหมาะสม
เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ซาอูลออกจากถ้ำ?
ให้เรามาอ่านต่อด้วยกันครับ
ที่ 1 ซามูเอล 24:8
ข้อ 8 ครับ
ดาวิดลุกออกไปจากถ้ำและตะโกนเรียกซาอูลว่า
“ท่านกษัตริย์ผู้เป็นนายของผม!”
ดาวิดเหรอ?
เมื่อซาอูลหันไปดู
ดาวิดก็หมอบลงและซบหน้ากับพื้น
ทำความเคารพซาอูล
ดาวิดบอกซาอูลว่า
“ทำไมท่านไปฟังคนที่บอกว่า
ผมคิดทำร้ายท่าน?
วันนี้ท่านก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่า
พระยะโฮวาให้ท่านตกอยู่ในกำมือผมในถ้ำนี้
แต่พอมีคนบอกให้ฆ่าท่าน
ผมก็สงสารท่าน
และบอกเขาว่าผมจะไม่ทำร้ายนายของผม
เพราะท่านเป็นผู้ที่พระยะโฮวาเจิม
ดูนี่สิครับ ท่านพ่อของผม
ท่านเห็นชายเสื้อคลุมไม่มีแขน
ของท่านในมือผมไหม?
ตอนที่ผมตัดชายเสื้อคลุมของท่าน
ผมไม่ได้ฆ่าท่าน
ตอนนี้ท่านก็เห็นและเข้าใจแล้วว่า
ผมไม่ได้คิดจะทำร้ายท่านหรือกบฏต่อท่านเลย
ผมไม่ได้ทำผิดต่อท่าน
แต่ท่านกลับตามล่าเอาชีวิตผม
ขอพระยะโฮวาตัดสินเรื่องระหว่างท่านกับผม
และขอพระยะโฮวาแก้แค้นท่านแทนผม
แต่ผมจะไม่ทำร้ายท่านเลย
ภาษิตโบราณกล่าวว่า
‘ความชั่วออกมาจากคนชั่ว’
แต่ผมจะไม่ทำร้ายท่าน
ท่านผู้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล
ออกมาล่าผมหรือ?
ผมเป็นใคร?
ผมก็เป็นแค่หมาที่ตายแล้ว
และไม่ต่างอะไรกับหมัดตัวหนึ่ง
ขอพระยะโฮวาตัดสินเรื่องระหว่างท่านกับผม
พระองค์จะเห็นและจะสู้คดีแทนผม
พระองค์จะตัดสินผม
และจะช่วยผมให้รอดจากเงื้อมมือท่าน”
มีคนกล่าวหาดาวิดว่าอยากจะทำร้ายซาอูล
แต่การที่ดาวิดควบคุมตัวเองทำให้เห็นว่า
เขาไม่เคยคิดจะทำร้ายซาอูลเลย
นอกจากนั้น  เขาพูดถึงสองครั้งว่า
ขอให้พระยะโฮวาตัดสินเรื่องของเขากับซาอูล
ทั้งๆ ที่ซาอูลตามล่าดาวิดอย่างไม่มีเหตุผล
แต่เขาก็ยังพูดกับซาอูลด้วยความนับถือ
และถ่อมใจรอพระยะโฮวาจัดการปัญหาของเขา
สิ่งที่ดาวิดพูดกับซาอูลมีพลังมากจริงๆ
พอรู้ว่าดาวิดไว้ชีวิตเขา
ซาอูลก็ตกใจมากแล้วพูดว่า
“พระยะโฮวาจะตอบแทนคุณด้วยสิ่งดีๆ
เพราะวันนี้คุณได้ไว้ชีวิตเรา
เรารู้ว่าคุณจะได้เป็นกษัตริย์แน่
และคุณกับลูกหลาน
จะปกครองอิสราเอลตลอดไป”
อัครสาวกเปาโลอาจคิดถึงเหตุการณ์นี้
ตอนที่เขาแนะนำคริสเตียนในโรมว่า
“อย่าแก้แค้นด้วยตัวเอง...
ให้เอาชนะความชั่วด้วยความดี”
บางครั้งการกระทำและคำพูดที่ดี
อาจทำให้คนที่ต่อต้านเราเปลี่ยนไปก็ได้
ซาอูลประทับใจความเมตตาของดาวิดมาก
แต่ซาอูลเลิกตามฆ่าดาวิดไหม?
เดี๋ยวเราจะได้คำตอบ
แต่เพราะเราเป็นคนไม่สมบูรณ์แบบ
บางครั้งเราก็เลยไม่แสดงความอดทน
ดาวิดก็เป็นอย่างนั้นด้วย
มีครั้งหนึ่งดาวิดโมโหมาก
เขาเกือบลงมือทำในสิ่งที่
จะก่อความเสียหายมาก
มาอ่านเรื่องนี้กันที่
1 ซามูเอล บท 25
ตอนนี้เราจะดูบทที่ 25 ข้อ 1
1 ซามูเอล บท 25 เริ่มอ่านที่ข้อ 1 ครับ
ต่อมา ซามูเอลก็ตาย
และชาวอิสราเอลมาชุมนุมกันเพื่อไว้อาลัย
และฝังศพซามูเอลไว้
ที่บ้านของเขาในเมืองรามาห์
แล้วดาวิดก็เข้าไปในที่กันดารปาราน
มีชายคนหนึ่งเป็นชาวเมืองมาโอน
แต่มีฝูงสัตว์อยู่ที่คาร์เมล
เขาร่ำรวยมาก
มีแกะ 3,000 ตัว
และแพะ 1,000 ตัว
ตอนนั้นเขากำลังตัดขนแกะ
ของเขาอยู่ที่คาร์เมล
ผู้ชายคนนี้ชื่อนาบาล
ภรรยาของเขาชื่ออาบีกายิล
เธอเป็นคนสวยและฉลาด
แต่สามีของเธอซึ่งเป็นลูกหลาน
คาเลบเป็นคนก้าวร้าว
และนิสัยไม่ดี
ตอนดาวิดอยู่ในที่กันดาร
เขาได้ยินว่านาบาลกำลังตัดขนแกะอยู่
ดาวิดจึงส่งคนหนุ่ม ๆ 10 คน
ไปหานาบาลและสั่งพวกเขาว่า
“ขึ้นไปที่เมืองคาร์เมล
และเมื่อเจอนาบาลก็ให้
บอกเขาว่าดาวิดฝากทักทาย
และบอกเขาว่า ‘ขอให้คุณอายุยืนยาว
และขอให้คุณกับครอบครัว
และทุกคนที่อยู่กับคุณอยู่ดีมีสุข
ผมได้ยินว่าคุณกำลังตัดขนแกะอยู่
ตอนที่คนเลี้ยงแกะของคุณอยู่กับพวกเรา
พวกเราไม่เคยทำร้ายพวกเขา
และตลอดเวลาที่พวกเขา
อยู่กับพวกเราในคาร์เมล
ไม่มีอะไรของพวกเขาหายไปเลย
ถามคนงานหนุ่มๆ ของคุณดูก็ได้
แล้วพวกเขาจะบอกคุณ
ขอเมตตาคนของผมด้วย
เพราะพวกเรามาหาคุณ
ในวันที่มีงานเลี้ยงรื่นเริง
ขอแบ่งอะไรก็ได้ให้พวกเรา
ซึ่งเป็นคนรับใช้ของคุณ
และให้ดาวิดลูกของคุณบ้างเถอะ’”
คนของดาวิดไปหานาบาล
และพูดตามที่ดาวิดสั่ง
พอพวกเขาพูดจบ
นาบาลตอบคนของดาวิดว่า
“ดาวิดเป็นใครกัน?
ลูกเจสซีคนนี้เป็นใคร?
สมัยนี้มีคนรับใช้ตั้งเยอะแยะที่หนีจากเจ้านาย
เรื่องอะไรเราจะต้องเอาขนมปังกับน้ำ
และเนื้อที่เราเตรียมไว้ให้คนตัดขนแกะของเรา
ไปให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้?”
ช่วงที่มีการตัดขนแกะ
มักจะเป็นช่วงที่มีงานเลี้ยงรื่นเริง
ตอนนั้นนาบาลกินเลี้ยงอย่างมีความสุข
เขามีแกะหลายตัว
และคนของดาวิดก็ช่วยปกป้อง
พวกมันจากกองโจร
ดังนั้นนาบาลก็ควรขอบคุณ
และมีน้ำใจต่อดาวิด
แต่พอคนของดาวิด
ไปขออาหารจากเขาอย่างสุภาพ
นาบาลปฏิเสธ
แถมยังดูถูกดาวิดด้วย
มาดูว่าดาวิดมีท่าทียังไง
อ่านต่อด้วยกันครับที่
1 ซามูเอล บท 25 เริ่มที่ข้อ 12 ครับ
คนของดาวิดก็กลับไปรายงาน
ดาวิดตามที่นาบาลพูด
ดาวิดสั่งคนของเขาทันทีว่า
“ทุกคนคาดดาบ!”
พวกเขาจึงเอาดาบมาคาดเอว
ดาวิดก็คาดดาบด้วย
มีคนประมาณ 400 คนไปกับดาวิด
ส่วนอีก 200 คนอยู่เฝ้าสัมภาระ
ระหว่างนั้น มีคนรับใช้คนหนึ่ง
มาบอกอาบีกายิลภรรยาของนาบาลว่า
“นายหญิง!
ดาวิดส่งคนมาจากที่กันดาร
เพื่ออวยพรนายของเรา
แต่นายกลับด่าว่าพวกเขา
อะไรนะ
พวกเขาดีกับเรามาก
ไม่เคยทำร้ายเราเลย
ตอนที่เราอยู่กับพวกเขาในทุ่งหญ้า
ไม่มีอะไรของเราหายไปเลย
ตลอดเวลาที่เราอยู่กับพวกเขา
ช่วงที่ออกไปเลี้ยงแกะ
พวกเขาเป็นเหมือนกำแพง
ที่คอยปกป้องเราทั้งกลางวันกลางคืน
โอ้!
นายหญิงตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเถอะครับ
ไม่อย่างนั้น
นายของเรากับคนทั้งบ้านจะต้องตายแน่
นายเป็นคนไม่ได้เรื่อง
ไม่มีใครพูดกับเขาได้”
อาบีกายิลจึงรีบเตรียมขนมปัง 200 ก้อน
เหล้าองุ่น 2 ไหใหญ่
แกะที่ฆ่าเรียบร้อยแล้ว 5 ตัว
ข้าวคั่ว 5 ซีห์
ลูกเกดที่ทำเป็นก้อน 100 ก้อน
และมะเดื่อที่ทำเป็นก้อน 200 ก้อน...
เอ้านี่
...แล้วเอาของเหล่านี้ใส่หลังลา 
เอาไป
แล้วอาบีกายิลก็สั่งพวกคนรับใช้ว่า
“เดินทางล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไป”
แต่เธอไม่ได้บอกนาบาลสามีของเธอ
ตอนที่อาบีกายิลกำลังขี่ลาไปตามซอกเขา
ดาวิดกับพรรคพวกก็ลงมาเจอเธอพอดี
ก่อนหน้านี้ดาวิดพูดว่า
“ผมอุตส่าห์ช่วยดูแลสมบัติทุกอย่าง
ของคนคนนี้ในที่กันดาร
ของของเขาแม้แต่อย่างเดียวก็ไม่เคยหาย
แต่สิ่งที่ผมทำไม่มีประโยชน์อะไรเลย
เขากลับตอบแทนความดีของผมด้วยความชั่ว
ถ้าผมปล่อยให้ผู้ชายในบ้านของเขา
แม้แต่คนเดียวมีชีวิตอยู่จนถึงพรุ่งนี้เช้า
ก็ขอให้พระเจ้าลงโทษศัตรูของดาวิด
ให้หนักกว่านั้นอีก”
พอได้ยินว่านาบาลพูดยังไงดาวิดก็โมโหมาก
เขาก็เลยสั่งให้คนของเขาคาดดาบทันที
โดยไม่ได้ปรึกษาพระยะโฮวาก่อน
ดาวิดกับคนของเขาตั้งใจ
ที่จะฆ่าผู้ชายทุกคนในบ้านของนาบาล
แต่การทำอย่างนี้มันไม่ถูก
ถึงนาบาลจะเป็นคนไม่ดี
และก็จริงที่ดาวิดควรได้รับ
ผลตอบแทนจากสิ่งที่เขาทำ
แต่ดาวิดก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง
เอาของของนาบาล
และก็ไม่มีเหตุผลด้วย
ที่จะต้องฆ่าชาวอิสราเอลด้วยกันเอง
รวมทั้งคนในบ้านของเขา
คนใช้ของนาบาลรู้ว่าจะมีหายนะเกิดขึ้น
ก็เลยรวบรวมความกล้าไปหาอาบีกายิล
และบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ
เขารู้ว่าถ้าไปบอกนาบาล
นาบาลก็คงไม่ฟัง
แต่เขามั่นใจว่าอาบีกายิลจะฟังแน่นอน
เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่มีความเข้าใจ
และรักพระยะโฮวา
ถึงเราจะรู้ไม่มากเกี่ยวกับอาบีกายิล
แต่การเป็นภรรยาของนาบาลก็คงไม่ง่ายเลย
เขาเป็นคนก้าวร้าวและหยิ่งมาก
อาจเป็นไปได้ที่เธอไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับเขา
อาบีกายิลพูดถึงนาบาลว่า
“เขาก็โง่เหมือนชื่อของเขานั่นแหละ”
ถ้าอาบีกายิลซึ่งเป็นผู้หญิง
ที่รักพระยะโฮวายังพูดแบบนี้
ก็แสดงว่านาบาลคงทำไม่ดีกับเธอมากๆ
เมื่อคนใช้มาบอกอาบีกายิล
เธอก็รู้ว่าต้องรีบลงมือทำบางอย่างทันที
แต่ทำอะไรล่ะ?
จะไปคุยกับนาบาลดีไหม?
คงไม่ เพราะนาบาลไม่มีเหตุผล
งั้นจะหนีไปเลยดีไหม?
ถ้าดาวิดเป็นคนแบบนาบาล
การหนีไปก็เป็นทางเลือกที่ดี
แต่เธอรู้ว่าดาวิดเป็นคน
ที่มีเหตุผลและรักพระยะโฮวา
เธอเลยรีบเตรียมอาหารแล้วออกไปเจอเขา
ให้เราอ่านต่อด้วยกันที่
1 ซามูเอล 25:23 ครับ
เมื่ออาบีกายิลเห็นดาวิด
เธอรีบลงจากหลังลามาหมอบตรงหน้าดาวิด
และซบหน้าลงกับพื้น
เธอเข้ามาหมอบแทบเท้าดาวิดและพูดว่า
“นายท่าน ทั้งหมดเป็นความผิดของดิฉันเอง
ขอให้ดิฉันได้พูดกับท่าน
ขอให้ท่านฟังดิฉันซึ่งเป็น
คนรับใช้ของท่านก่อนเถอะค่ะ
ขอนายท่านอย่าใส่ใจกับคน
ที่ไม่ได้เรื่องอย่างนาบาลเลย
เขาชื่อนาบาลและเขาก็โง่
เหมือนชื่อของเขานั่นแหละ
ดิฉันซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่าน
ไม่เห็นคนหนุ่มที่ท่านส่งมาเลย
ท่านคะ ดิฉันขอสาบานต่อพระยะโฮวา
ผู้มีชีวิตอยู่และต่อท่านว่า
จริง ๆ แล้วพระยะโฮวาเป็นผู้ห้ามท่าน
ไม่ให้ทำผิดเพราะฆ่าคนตาย
หรือแก้แค้นด้วยมือของท่านเอง
ขอให้ศัตรูของท่านและคนที่คิดทำร้ายท่าน
ผู้เป็นนายของดิฉันเป็นเหมือนนาบาล
ตอนนี้ขอท่านโปรดรับของขวัญเหล่านี้
จากดิฉันซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่าน
และเอาไปให้คนของท่านด้วยเถอะ
ขอโปรดยกโทษให้ดิฉัน
ซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่านด้วย
พระยะโฮวาจะให้ลูกหลานของท่านปกครอง
เป็นกษัตริย์ไปนานแสนนาน
เพราะท่านผู้เป็นนายของดิฉัน
กำลังทำสงครามของพระยะโฮวา
และท่านไม่เคยทำชั่วเลยตลอดชีวิต
ถึงจะมีคนตามฆ่าท่าน
แต่พระยะโฮวาพระเจ้า
ของท่านก็จะรักษาชีวิตท่าน
ให้ปลอดภัยเหมือนของมีค่าที่ห่อเก็บไว้ในถุง
ส่วนชีวิตของศัตรูของท่าน
พระองค์จะเหวี่ยงทิ้งไป
เหมือนใช้เชือกเหวี่ยงก้อนหิน
และเมื่อถึงเวลาที่พระยะโฮวาให้สิ่งดีๆ
กับท่านผู้เป็นนายของดิฉัน
อย่างที่พระองค์สัญญาไว้
และตั้งท่านให้เป็นผู้นำของอิสราเอลแล้ว
ท่านจะไม่เสียใจหรือรู้สึกผิด
เพราะได้ฆ่าคนโดยไม่มีสาเหตุ
หรือเพราะลงมือแก้แค้นเอง
และเมื่อพระยะโฮวาให้สิ่งดี ๆ
กับท่านผู้เป็นนายของดิฉันแล้ว
ขอโปรดนึกถึงดิฉันซึ่งเป็น
คนรับใช้ของท่านด้วยเถอะค่ะ”
คำพูดของอาบีกายิลทำให้เห็นว่า
เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและรักพระยะโฮวา
เธอเข้าไปหาดาวิดด้วยความนับถือและถ่อมตัว
จากนั้นเธอก็พูดกับเขาตรงๆ เธอบอกดาวิดว่า
พระยะโฮวาเป็นผู้ส่งเธอมาห้ามเขา
ไม่ให้ทำผิดเพราะฆ่าคนตาย
หรือแก้แค้นด้วยตัวเอง
เธอห้ามดาวิดไม่ให้ทำ
ในสิ่งที่จะส่งผลเสียหายร้ายแรง
ที่อาจจะทำให้เขามานั่งเสียใจภายหลัง
อาบีกายิลเตือนดาวิดให้คิดถึงความจริงที่ว่า
พระยะโฮวาจะจัดการกับคนที่ทำผิด
และเขาไม่ควรลงมือแก้แค้นด้วยตัวเอง
อาบีกายิลพูดเหมือนกับที่ดาวิด
เคยพูดกับซาอูลที่เอนเกดี
เธออาจจะเคยได้ยินว่า
ดาวิดไว้ชีวิตซาอูลตอนที่อยู่ในถ้ำ
ดังนั้น เธอบอกกับดาวิดว่า
ขอให้อดทน รอให้
พระยะโฮวาจัดการเรื่องนี้
ในเวลาและวิธีที่เหมาะสม
แล้วดาวิดทำยังไงครับ?
มาอ่านเรื่องนี้ต่อที่
1 ซามูเอล 25:32
ดาวิดจึงพูดกับอาบีกายิลว่า
“ขอสรรเสริญพระยะโฮวา
พระเจ้าของอิสราเอล
เพราะพระองค์ส่งคุณมาหาผมวันนี้!
และขอพระเจ้าอวยพรคุณที่มีไหวพริบอย่างนี้!
วันนี้คุณได้ห้ามผมไม่ให้ทำผิด
เพราะฆ่าคนตายหรือ
แก้แค้นด้วยมือของผมเอง
ผมสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่
คือพระเจ้าของอิสราเอล
ซึ่งเป็นผู้ห้ามผมไม่ให้ทำร้ายคุณว่า
ถ้าคุณไม่ทำอย่างนี้
เช้าวันพรุ่งนี้จะไม่มีผู้ชายแม้แต่คนเดียว
เหลืออยู่ในบ้านของนาบาล”
ดาวิดก็รับของที่อาบีกายิล
เตรียมมาให้และบอกเธอว่า
“ขอให้คุณกลับไปบ้านอย่างสบายใจเถอะ
ผมฟังคุณแล้ว
และผมจะทำตามที่คุณขอร้อง”
ดาวิดฟังอาบีกายิล
นี่เป็นเรื่องน่าประทับใจ
เพราะในสมัยนั้น
ผู้ชายมักจะไม่ฟังคำแนะนำของผู้หญิง
ดาวิดฟังและเห็นด้วยกับสิ่งที่อาบีกายิลพูด
และในที่สุดเขาก็เปลี่ยนใจ
ตอนนั้นคนของดาวิดอาจจะ
อยากไปจัดการกับนาบาล
แต่ดาวิดห้ามพวกเขาไว้
เหมือนกับดาวิด
บางครั้งเราอาจกำลังจะทำสิ่งที่ไม่ฉลาด
แต่ถ้ามีคนมาเตือนเรา
เราก็น่าจะฟังเหมือนที่ดาวิดฟังอาบีกายิล
“ประมาณ 10 วันต่อมา
พระยะโฮวาลงโทษนาบาล
และเขาก็ตาย”
หลังจากนั้นอาบีกายิลก็
มาเป็นภรรยาของดาวิด
ส่วนซาอูลตอนแรกดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนใจ
แต่หลังจากนั้นเขาก็ยัง
ตามล่าดาวิดเหมือนเดิม
ตอนนี้ดาวิดกับพรรคพวก
อยู่ในที่กันดารนอกเมืองศิฟ
นี่เป็นครั้งที่สองที่คนในเมืองนี้หักหลังดาวิด
ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นตระกูลเดียวกัน
ให้เราอ่านเรื่องนี้ด้วยกันที่
1 ซามูเอล บท 26 เริ่มที่ข้อ 2 ครับ
ซาอูลจึงพาชาวอิสราเอลที่เลือกไว้ 3,000 คน
เข้าไปในที่กันดารนอกเมืองศิฟ
เพื่อตามล่าดาวิด
ซาอูลตั้งค่ายอยู่ริมทางบนเขาฮาคีลาห์
ตรงข้ามเขตเยชีโมน
ตอนนั้นดาวิดก็อยู่ในที่กันดารนั้น
และเขาได้ยินว่าซาอูลมาตามล่าเขา
ในที่กันดารแล้ว
ดาวิดจึงส่งคนไปสืบดูว่าซาอูลมาจริงหรือไม่
หลังจากนั้น
ดาวิดก็ไปตรงที่ซาอูลตั้งค่ายอยู่
เขาเห็นที่ที่ซาอูลกับอับเนอร์ลูกของเนอร์
ซึ่งเป็นแม่ทัพนอนอยู่
ซาอูลนอนหลับอยู่ในค่าย
และพวกทหารนอนอยู่รอบตัวเขา
ดาวิดจึงพูดกับอาหิเมเลคชาวฮิตไทต์
และอาบีชัยลูกนางเศรุยาห์
ซึ่งเป็นพี่น้องกับโยอาบว่า
“ใครจะลงไปหาซาอูลที่ค่ายกับผมบ้าง?”
อาบีชัยตอบว่า
“ผมจะไป”
ดาวิดกับอาบีชัยก็ไปที่ค่าย
ของซาอูลตอนกลางคืน
พวกเขาเห็นซาอูลนอนหลับอยู่ในค่าย
และหอกของเขาปักอยู่ที่พื้นใกล้หัวเขา
ส่วนอับเนอร์กับพวกทหาร
ก็นอนอยู่รอบตัวซาอูล
อาบีชัยบอกดาวิดว่า
“วันนี้พระเจ้าได้ให้ศัตรูตกอยู่ในกำมือท่านแล้ว
ขอให้ผมเอาหอกแทงเขาติดกับพื้นเถอะ
แค่ครั้งเดียว ไม่ต้องซ้ำเลย” 
ตอนที่อยู่ในถ้ำ
ซาอูลเป็นฝ่ายมาหาดาวิด
แต่ครั้งนี้ดาวิดไปหาซาอูล
เขาไปกับอาบีชัยหลานชาย
ซึ่งเป็นนักรบที่กล้าหาญ 
พวกเขาไปที่ค่ายของซาอูลตอนกลางคืน
ค่อยๆ ย่องผ่านเต็นท์ที่พวกทหารนอนหลับอยู่
นี่เป็นครั้งที่สองที่ซาอูล
ตกอยู่ในกำมือของดาวิด
อาบีชัยขอเอาหอกแทงซาอูลติดกับพื้น
เขามองว่ามีเหตุผลที่จะฆ่าซาอูล
เพราะซาอูลตามล่าพวกเขาอย่างไม่ละลด
ดาวิดไม่ต้องทำอะไรเลย
แล้วหลังจากนั้นก็บอกว่า
อาบีชัยเป็นคนฆ่าซาอูลก็ได้
แล้วดาวิดจะใช้โอกาสนี้
เพื่อกำจัดศัตรูของเขาไหม?
เขาทำยังไง?
ให้เรามาอ่านต่อที่
1 ซามูเอล 26:9 ครับ
แต่ดาวิดบอกอาบีชัยว่า
“อย่าทำอะไรเขา
เพราะคนที่ทำร้ายผู้ที่
พระยะโฮวาเจิมไว้จะมีความผิดแน่”
แล้วดาวิดก็พูดว่า
“ผมสาบานต่อพระยะโฮวาผู้มีชีวิตอยู่ว่า
พระยะโฮวาจะฆ่าเขาเองแน่นอน
หรือไม่เขาก็จะตายเองเมื่อถึงเวลา
หรือไม่ก็ตายในสนามรบ
พระยะโฮวาต้องไม่ชอบแน่ๆ
ถ้าผมทำร้ายผู้ที่พระยะโฮวาเจิมไว้!
ให้เราเอาหอกกับเหยือกน้ำ
ที่อยู่ข้างหัวของเขามา แล้วไปกันเถอะ”
ดาวิดหยิบหอกกับเหยือกน้ำ
ที่อยู่ข้างหัวซาอูลแล้วก็ไป
ไม่มีใครเห็นหรือตื่นขึ้นมาเลย
ทุกคนหลับกันหมด
เพราะพระยะโฮวาทำให้พวกเขาหลับสนิท
ดาวิดไม่ได้หลอกตัวเอง
แล้วก็คิดว่าคงไม่เป็นไรที่จะให้อาบีชัยฆ่าซาอูล
เขาคิดเสมอว่าพระยะโฮวาจะจัดการซาอูลเอง
นี่เป็นอีกครั้งที่เขารอให้พระยะโฮวา
จัดการกับปัญหาของเขา
เราเห็นว่าเขารอพระยะโฮวาจริงๆ
ตอนที่เขากระซิบบอกอาบีชัยว่า
ซาอูลอาจจะตายในสงครามก็ได้
และหนึ่งปีต่อมาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ชีวิตของดาวิดลำบากมาก
ในช่วงที่เขาหนีซาอูล
และเขาก็อดทนรอคอยพระยะโฮวาเสมอ
และพยายามทำในสิ่งที่เขาทำได้
อย่างเช่น ตอนที่เขาอาศัยอยู่
ในดินแดนของชาวฟีลิสเตีย
เขาก็ใช้โอกาสนี้ปกป้องชาติอิสราเอล
จากการโจมตีของศัตรู
เหมือนกัน ตอนที่เราเจอกับปัญหา
เราก็ควรพยายามทำสิ่งที่เราทำได้
และมั่นใจว่าพระยะโฮวา
จะช่วยเราในเวลาที่เหมาะสม
ในที่สุด ดาวิดก็เป็นกษัตริย์
เขาปกครองนาน 40 ปี
ในช่วงท้ายของชีวิต
เขาเขียนหนังสือสดุดีบท 37
ตอนที่เขาแต่งเพลงนี้ 
อาจเป็นไปได้ที่เขาจะนึกถึง 3 เหตุการณ์
ที่เราได้อ่าน เขาเขียนเกี่ยวกับความอดทน
การรอคอยพระยะโฮวา
และคำสัญญาของพระยะโฮวาที่เกิดขึ้นจริง
สดุดีบทนี้มีทั้งคำแนะนำและเรื่องที่ให้กำลังใจเรา
ให้เราจบด้วยการอ่านข้อคัมภีร์ที่นั่นด้วยกัน
ที่สดุดี 37:1-7
ผมจะให้เวลาเปิดนิดนึงนะครับ
สดุดี 37:1-7 บอกว่า
“อย่าเดือดร้อนเพราะคนทำชั่ว
หรืออิจฉาคนทำผิด
พวกเขาจะเป็นเหมือนต้นหญ้า
ที่แห้งไปอย่างรวดเร็ว
และเหมือนหญ้าอ่อนเขียวสดที่เหี่ยวเฉาไป
ขอให้วางใจพระยะโฮวาและทำความดี
อยู่ในโลกนี้และเป็นคนซื่อสัตย์
ชื่นชมยินดีกับสิ่งที่พระยะโฮวาทำ
แล้วพระองค์จะให้ตามที่ใจคุณต้องการ
ให้พระยะโฮวาชี้ทางให้คุณ
ขอให้พึ่งพระองค์ แล้วพระองค์จะช่วยคุณ
พระองค์จะทำให้ความดีของคุณ
ส่องสว่างเหมือนแสงยามเช้า
และทำให้ความยุติธรรมของคุณเจิดจ้า
เหมือนแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
อย่าพูดอะไรต่อหน้าพระยะโฮวา
ขอให้อดทนรอคอยพระองค์”