JW subtitle extractor

รายการโทรทัศน์ JW—ธันวาคม 2025: วันสำเร็จการศึกษาของนักเรียนกิเลียด 158

Video Other languages Share text Share link Show times

ยินดีต้อนรับเข้าสู่
รายการโทรทัศน์ JW® ครับ 
ในวันที่ 13 กันยายน ปี 2025
เป็นวันจบการศึกษา
ของนักเรียนกิเลียด
ชั้นเรียนที่ 158
หลังจากที่เรียนอย่างเข้มข้นตลอด 5 เดือน
ในวันจบการศึกษา
พวกเขาอาจจะมีความรู้สึกแตกต่างกัน
บางคนอาจรู้สึกโล่งใจที่ได้เรียนจบแล้ว
บางคนดีใจที่ได้เจอครอบครัวและเพื่อนๆ
หรือบางทีแค่อาจจะนะครับ
อาจจะกังวลว่าจะได้ทำงานมอบหมายอะไร?
ให้เรามาฟังคำบรรยายต่างๆ
ที่ให้กำลังใจพี่น้องในชั้นเรียนนี้กันครับ
เรามั่นใจว่าคุณจะได้กำลังใจจาก
คำบรรยายในวันจบการศึกษานี้ด้วย 
ยินดีต้อนรับทุกคนที่มาประชุมกัน
ในวันสำเร็จการศึกษาของ
ชั้นเรียนที่ 158
ของโรงเรียนวอชเทาเวอร์
ไบเบิลแห่งกิเลียดครับ 
ผมอยากคุยกับพวกคุณ
นักเรียนชั้นเรียนที่ 158
พวกคุณทั้ง 52 คนเลยครับ 
หัวเรื่องที่จะคุยก็คือ
“ให้คุณเป็นเหมือนเกลือในโลกนี้ต่อๆไป” 
ถ้าคุณดูในมัทธิว 5:13
จะเห็นว่าส่วนแรกในข้อ13 
พระเยซูบอกว่า
“คุณเป็นเหมือนเกลือในโลกนี้”
คำพูดนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำบรรยาย
บนภูเขาที่ยอดเยี่ยมของพระเยซู
แม้ว่าจะมีคนจำนวนมากได้ประโยชน์
จากคำบรรยายบนภูเขานี้
แต่จริงๆแล้วพระเยซู
พูดเรื่องนี้กับใครเป็นพิเศษ?
ท่านพูดกับเหล่าสาวก
โดยเฉพาะกับอัครสาวกทั้ง 12 คน
ที่ท่านเพิ่งจะเลือกพวกเขา 
และตอนนั้นก็คงจะนั่งอยู่ใกล้ๆท่าน 
พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการฝึกสอน
เพื่อจะเป็นตัวอย่างที่ดี
และนำหน้าประชาคมคริสเตียน 
ดังนั้นที่พระเยซูพูดว่า
“คุณเป็นเหมือนเกลือในโลกนี้”
ท่านพูดกับเหล่าสาวกโดยเฉพาะอัครสาวก 
และคำพูดนี้ก็ใช้กับพวกคุณนักเรียนที่รักด้วย 
เราจะมาดูด้วยกันในคำบรรยายนี้ครับ 
น่าสนใจ ในข้อนี้พระเยซูเปรียบสาวก
ของท่านว่า
พวกเขาเป็นเหมือนเกลือ
ที่จริงพระเยซูกำลังบอกว่าพวกสาวกเป็นเกลือ
ก็คือพวกเขามีคุณสมบัติเหมือนเกลือ
ทำไมพระเยซูถึงใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบนี้?
ท่านกำลังบอกว่า
สาวกของท่านจะส่งผลดีต่อผู้คน
เหมือนกับที่เกลือส่งผลต่อสิ่งต่างๆ 
พระเยซูน่าจะคิดถึงอะไรครับ? 
ให้เรามาดู 3 อย่างที่ท่านน่าจะคิดถึง
ตอนที่ท่านใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบนี้
แล้วพวกคุณที่เป็นนักเรียน
คุณก็จะเห็นว่าคุณมี
คุณสมบัติ 3 อย่างนี้ด้วย
อย่างแรกให้เราดูที่โคโลสีบท 4
โคโลสีบท 4 ครับ
พระเยซูคงกำลังคิดถึงเรื่องนี้แน่ๆ
ในโคโลสี 4:6
“ให้คำพูดของพวกคุณเป็นคำพูดที่กรุณาเสมอ
เหมือนอาหารที่ปรุงด้วยเกลือ
พวกคุณจะได้รู้ว่าควรตอบแต่ละคนอย่างไร”   
ข้อนี้พูดถึงคุณสมบัติอะไรของเกลือครับ? 
เกลือเป็นเครื่องปรุงทำให้
อาหารอร่อยใช่ไหมครับ?
เกลือทำให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น
และน่ากินมากขึ้นใช่ไหมครับ?
และเราก็รู้ว่าพวกคุณที่เป็น
นักเรียนก็เป็นแบบนั้นด้วย 
โดยทางคำพูดและการกระทำของคุณ 
หลังจากที่คุณจบจากกิเลียดแล้ว
คุณจะใช้คำพูดในแบบที่กรุณา
ที่มีรสชาติดี ถูกใจผู้ฟัง 
ไม่ว่าจะเป็นในประชาคมที่คุณได้รับมอบหมาย 
หรือในเบเธลก็ตาม 
คุณคงไม่ปรุงคำพูด
ของคุณด้วยพริกใช่ไหมครับ? 
พระคัมภีร์ไม่ได้บอกให้ปรุง
คำพูดด้วยพริกใช่ไหมครับ? 
ไม่ได้บอกให้ปรุงด้วยพริกไทย
พริกกะเหรี่ยง
พริกป่น 
หรือพริกจินดา
แต่เป็นเกลือที่ไม่เผ็ดร้อนแต่กลมกล่อม
นี่แหละเป็นวิธีที่คุณใช้คำพูด
คุณทำอย่างนั้นตอนบรรยาย
ตอนออกความคิดเห็นในประชาคม 
และตอนที่คุยกับคนอื่น
แล้วคุณก็จะปรุงรสให้ครอบครัวเบเธล
และประชาคมที่คุณ
ได้รับมอบหมายให้มีรสชาติดี 
แล้วคุณสมบัติของเกลืออย่างที่ 2 
คืออะไรครับ?
ที่เอเสเคียล 16:4 
เราจะไม่อ่านข้อนี้นะครับ
ข้อนี้พูดถึงสิ่งที่คนในสมัยคัมภีร์ไบเบิลทำกันคือ
เอาเกลือมาทาตัวเด็กทารกที่เพิ่งเกิด
คุณรู้ไหมว่าทำไมเขาต้องเอาเกลือ
มาทาตัวเด็กทารกที่เพิ่งเกิดด้วย
เหตุผลหนึ่งก็คือ
เพราะเกลือมีคุณสมบัติ
ในการฆ่าเชื้อโรคและป้องกันการติดเชื้อ 
แม้แต่ทุกวันนี้ ตอนที่เราเจ็บคอ
เราก็ยังเอาน้ำเกลือมากลั้วคอ
เพื่อฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ
หลายคนเอาเกลือมาใส่ในน้ำตอนล้างผัก
เพื่อฆ่าเชื้อโรคและทำให้ผักสะอาดปลอดภัย 
เกลือมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ
แบคทีเรียและเชื้อโรคอื่นๆ
พวกคุณอาจจะไม่เคยคิดก็ได้ว่า
ตัวเองมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค
และป้องกันการติดเชื้อได้
แต่พวกคุณเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ในด้านความเชื่อ   
ตัวอย่างเช่น ในเบเธลหรือในประชาคม
ถ้ามีบางคนเริ่มพูดนินทาคนอื่น
นั่นก็เป็นเหมือนเชื้อโรคใช่ไหมครับ?
แล้วคุณก็ฆ่าเชื้อโรคนั้นได้
ด้วยการเปลี่ยนเรื่องคุยหรือพูดปกป้องพี่น้อง
สิ่งที่คุณทำก็เหมือนกับการฆ่าเชื้อโรคแล้ว   
อย่างเช่นบางคนอาจจะบอกว่า
‘คุณสังเกตผู้ดูแลคนนั้นไหม?
เขาชอบทำส่วนเกินเวลาตลอดเลย’
คุณอาจจะบอกเขาว่า
‘ไม่รู้นะ แต่ที่แน่ๆคือ
ผมก็เห็นว่าเขารักพี่น้อง
ใจดี ทำงานหนัก
ดูแลบำรุงเลี้ยงพี่น้อง
ในประชาคมของเราอย่างดี 
ผมว่าคุณก็รักเขาด้วยใช่ไหม?’
พูดแบบนี้ก็เหมือนคุณฆ่าเชื้อโรคแล้ว
เป็นการฆ่าเชื้อโรคทางด้านความเชื่อ   
คุณจะฆ่าเชื้อโรคในเขตประกาศได้ด้วย
อย่างเช่นคำสอนเรื่องตรีเอกานุภาพ 
ไฟนรก วิญญาณอมตะ 
และคำสอนเท็จอื่นๆ
คุณฆ่าเชื้อโรคพวกนั้นได้ 
ให้เรามาดูอย่างที่ 3 ที่พระเยซู
อาจจะคิดถึงก็คือ
ที่เลวีนิติ บท2
เลวีนิติบท 2 ให้เราดูที่ข้อ 13 ครับ
“เครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าวทุกอย่าง
ให้ใส่เกลือลงไปด้วย
อย่าลืมใส่เกลือในเครื่องบูชาที่ทำจากเมล็ดข้าว
เพราะเกลือจะเตือนใจพวกเจ้า
ให้นึกถึงสัญญาของพระเจ้า
เครื่องบูชาทุกอย่างของพวกเจ้าจะต้องใส่เกลือ” 
กฎหมายของโมเสสบอกไว้ว่า
เครื่องบูชาทุกอย่างที่ถวาย
บนแท่นบูชาให้กับพระยะโฮวา 
จะต้องใส่เกลือลงไปด้วย
เพื่อจะทำอย่างนั้นได้
นักประวัติศาสตร์ชาวยิวบอกไว้ว่า
มีการเก็บเกลือกองใหญ่ตรงทาง
ที่จะขึ้นไปบนแท่นบูชา
และในบริเวณวิหาร
ยังมีห้องขนาดใหญ่เอาไว้เก็บเกลือด้วย
ซึ่งปุโรหิตจะเก็บเกลือจำนวนมากไว้ที่นั่น
เพื่อทำตามคำสั่งของพระยะโฮวา 
แต่เราอาจสงสัยว่า
ทำไมพระยะโฮวาสั่งแบบนี้?
ในหอสังเกตการณ์บอกว่า
“การทำอย่างนี้ไม่ใช่เพื่อ
ปรุงเครื่องบูชาให้มีรสดีขึ้น
แต่คงเป็นเพราะว่าเกลือ
เป็นภาพเล็งถึงเสรีภาพ
จากความเสื่อมทรามและความเปื่อยเน่า”
เป็นอย่างนั้นจริงๆใช่ไหมครับ? 
และนี่คือคุณสมบัติอย่างที่ 3 
คือปกป้องรักษา
เกลือช่วยไม่ให้อาหารเน่าเปื่อยหรือเสีย
อย่างเช่นคุณสามารถเก็บเนื้อไว้ได้นาน
โดยไม่ต้องใส่ตู้เย็นถ้าคุณหมักด้วยเกลือ
เกลือสามารถช่วยรักษาเนื้อไว้ได้นาน
โดยไม่ทำให้มันเน่าเสีย
คล้ายกันคุณก็เป็นเหมือนเกลือ
ที่ช่วยปกป้องรักษา
คนอื่นในงานมอบหมายของคุณได้
เรามั่นใจว่าคุณจะทำอย่างนั้น   
ตัวอย่างเช่น คุณเริ่มการศึกษา
กับคนที่สูบบุหรี่จัด
ปอดและหัวใจของเขากำลังถูกทำลาย
หรือศึกษากับคนติดยา
ซึ่งสมองของเขากำลังเสียหาย
หรือคนติดเหล้าที่ตับกำลังถูกทำลาย 
หรือคนทำผิดศีลธรรมที่ชีวิตของเขา
กำลังเสี่ยงต่อการติดโรคหลายชนิด 
เมื่อคุณเริ่มสอนความจริงกับเขา
ด้วยการช่วยเหลือจากพระยะโฮวา
เขาก็เลิกนิสัยไม่ดีเหล่านั้น
และเลิกทำลายสุขภาพของตัวเอง 
และหลายครั้ง
ไม่ได้ทำให้เขาเลิกนิสัยที่ไม่ดี
และการทำลายสุขภาพเท่านั้น
แต่ยังช่วยให้ร่างกายและจิตใจ
กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง 
และแน่นอนเมื่อคุณสอนความจริงให้กับเขา
เราทำให้เขาใกล้ชิดกับพระยะโฮวา 
และด้วยวิธีนี้คุณได้ช่วย
ปกป้องชีวิตของเขาตลอดไป 
ดังนั้นพวกคุณช่วยปกป้อง
และรักษาผู้คนในเขตงานจริงๆ 
ในครอบครัวเบเธล
ถ้ามีใครกำลังก้าวไปผิดทาง 
หรืออาจทำผิดร้ายแรง
พวกคุณที่เป็นผู้ใหญ่ด้านความเชื่อ
จะพยายาม “ช่วยคนนั้นให้กลับมาในทาง
ที่ถูกต้องด้วยความอ่อนโยน”
และพยายามจะช่วยรักษาชีวิตของเขาไว้ 
นี่เป็นแค่บางตัวอย่าง
ที่คุณจะช่วยปกป้องรักษาเหมือนกับเกลือ
และอย่างที่เราคุยกันไป
เกลือมีคุณสมบัติที่ดี 
และเราคุยกันว่าเกลือใช้ปรุงรส
ใช้ฆ่าเชื้อและปกป้องรักษา
การเปรียบเทียบแบบนี้
มีความหมายที่ดีมากใช่ไหมครับ?
และถ้าคุณคิดถึงเรื่องนี้
มันเป็นคำชมนะ
และเราก็คิดอย่างนั้นกับคุณด้วย 
เราอยากจะชมเชยนักเรียนทุกคนที่นี่
“คุณเป็นเหมือนเกลือในโลกนี้” 
แต่พระเยซูไม่ได้ชมเท่านั้น
ถ้าเราดูด้วยกันที่มัทธิวบท 5
หลังจากที่ท่านชมแล้ว ท่านให้คำเตือนด้วย
ให้เราดูด้วยกันที่มัทธิว 5:13
อ่านทั้งข้อครับ
พระเยซูบอกว่า
“คุณเป็นเหมือนเกลือในโลกนี้
แต่ถ้าเกลือไม่เค็มแล้ว
จะทำให้กลับมาเค็มอีกได้อย่างไร
จะเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้
มีแต่จะเอาไปทิ้งให้คนเหยียบย่ำเท่านั้น” 
เป็นความจริงที่เกลือสามารถปนเปื้อนได้
มันอาจถูกทำให้เจือจาง
และหมดคุณสมบัติของความเป็นเกลือ 
ถ้ามันถูกปนเปื้อนจนใช้ไม่ได้อีกต่อไป
เราก็อาจเป็นอย่างนั้นด้วย 
เราต้องรักษาความเค็มโดยนัยของเราเอาไว้
พูดอีกอย่างคือเป็นเกลือที่ใช้งานได้เสมอ 
แล้วคุณจะทำได้ยังไงครับ? 
ถ้าคุณเอาบทเรียนต่างๆที่ยอดเยี่ยม
ที่คุณได้เรียนรู้ใน
ช่วงตลอด 5 เดือนไปใช้
คุณก็จะเป็นเกลือที่เค็มอยู่เสมอ 
ตอนนี้ให้เรามาชมอีกส่วนหนึ่ง
ที่เราชอบมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้
ซึ่งก็คือรายการจับเข่าเล่าเรื่อง
ขอตั้งใจฟังพี่น้องโจเอล เคลลี
หนึ่งในผู้สอนของโรงเรียนกิเลียด 
เขาจะเป็นผู้ดำเนินรายการในครั้งนี้ครับ 
เชิญชมครับ 
ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการจับข่าวเล่าเรื่องครับ
ในอิสยาห์ 64:8
พระยะโฮวาเปรียบเทียบตัวเองว่า
เป็นเหมือนกับ “ช่างปั้นหม้อ”
และพวกเราเป็นเหมือน “ดินเหนียว”
ถึงเราจะเป็นเหมือนดินเหนียวที่ไม่สมบูรณ์แบบ
แต่พระยะโฮวาก็ยังปั้นเรา
ตราบใดที่เราเต็มใจให้พระยะโฮวาปั้น
พระองค์จะทำให้เราเป็นอะไรก็ได้
เพื่อทำให้ความประสงค์ของพระองค์เป็นจริง
ให้เรามาดูว่าพระยะโฮวา
ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงได้ยังไง
กับนักเรียน 5 คนในชั้นเรียน 158
ตอนที่เราฟังเรื่องของพวกเขา
ขอให้สังเกตคุณลักษณะต่างๆของพระยะโฮวา
และดูว่าพระยะโฮวาทำอะไรบ้าง
เพื่อช่วยพวกเขาให้รับใช้พระองค์
ก่อนอื่นให้เรามาเริ่มกับ
พี่น้องมาร์กและเมลิซ่า แกทริก
จากสาขาอังกฤษ
ขอบคุณมากนะครับที่มาในรายการ
จับเข่าเล่าเรื่องของเรา
ยินดีค่ะ
เรารู้ว่าพวกคุณมาจากสาขาอังกฤษ
แต่พวกคุณเป็นคนอังกฤษไหม?
ครับผมมาจากแมนเชสเตอร์
ทางเหนือของอังกฤษ
ส่วนฉันมาจากดีทรอยในสหรัฐอเมริกา
พวกคุณมาเจอกันได้ยังไงครับ
ทั้งๆที่อยู่กันคนละฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก
ผมเป็นตัวแทนการประชุมนานาชาติ
ที่จัดขึ้นใกล้ๆที่เมลิซ่าอยู่
ตอนนั้นเป็นปี 1998
และหลังจากนั้นประมาณ 7 ปี เราก็แต่งงานกัน
แล้วตอนเป็นวัยรุ่น
ชีวิตพวกคุณเป็นยังไงครับ?
ฉันมีพ่อแม่ที่น่ารัก
พวกเขาเลี้ยงดูฉันอย่างดี
แต่ในด้านความเชื่อ
ฉันไม่ค่อยได้ทำอะไร
เพื่อพระยะโฮวามากเท่าไหร่
ตั้งแต่เด็กๆฉันอยากจะเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า
ฉันเลยทำตามความฝัน
ฉันไปเรียนวิทยาลัย 4 ปี
แล้วฉันก็เรียนจบด้านแฟชั่นดีไซน์
และหลังจากนั้นฉันก็เริ่มทำงานในด้านนี้
ผลก็คือ
ฉันไม่ได้พัฒนาคุณลักษณะดีๆ
แบบที่พระยะโฮวาอยากให้ทำ
ฉันเอาแต่หาเงินเยอะๆ
ฉันตัดสินใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ในเรื่องการเลือกเพื่อน
แม้แต่เรื่องความบันเทิง ฉันก็ไม่ได้เลือกดีๆ
ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดเรื่องงานรับใช้เลย
แล้วคุณล่ะมาร์ค?
ผมก็เหมือนกัน ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่
แม่สอนความจริงให้กับผม
แล้วพอตอนอายุ 13 ผมก็รับบัพติศมา
แต่ผมก็ใช้ชีวิตแบบตีสองหน้าต่อไป
แต่ละปีผ่านไปผมก็ทำตัวแย่ลงเรื่อยๆ
แม้ผมจะมีครอบครัวที่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก
และก็ยังมีเพื่อนหลายคนที่ซื่อสัตย์
กับพระยะโฮวาจนถึงทุกวันนี้
แต่ก็มีแค่พระยะโฮวาเท่านั้น
ที่รู้ว่าผมเป็นยังไงจริงๆ
พระองค์รู้ว่าผมใช้เวลายังไง ผมคบกับใคร
และผมไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นภายนอก
ขอบคุณที่เล่าให้เราฟังนะครับ
มันไม่ง่ายเลยที่จะเล่าเรื่องแบบนี้ให้เราฟัง
แล้วมีอะไรที่ทำให้คุณเปลี่ยนครับ?
ก็พ่อของผมไม่ได้เป็นพยานพระยะโฮวา
แต่เขาก็วางตัวอย่างที่ดีให้กับผม
ในการเป็นพ่อ และเป็นสามีที่ดี
พอผมเริ่มคบกับเมลิซ่า
ผมก็เลยอยากเป็นสามีที่ดี
ตอนนั้นถึงเราจะอยู่ไกลกันมาก
แต่เราก็ใช้เวลาศึกษาคัมภีร์ไบเบิลด้วยกัน
ทุกสัปดาห์ ทางโทรศัพท์
และนี่เป็นครั้งแรกเลย
ที่ผมได้ทำสิ่งที่เสริมความเชื่อ
และในที่สุดผมก็ค่อยๆกลับมา
มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระยะโฮวาอีกครั้ง
นี่ทำให้ผมรู้ตัวว่า
ผมทำให้พระยะโฮวาเสียใจมาตลอดหลายปี
ฉันก็เหมือนกันค่ะ
หลังจากเราแต่งงานกัน
ฉันก็เริ่มเป็นไพโอเนียร์
และฉันก็เริ่มรู้สึกแย่ด้วย
กับสิ่งที่ตัวเองเคยทำมาในอดีต
เราสองคนก็เลยตัดสินใจไปคุยกับผู้ดูแล
พวกเขาช่วยเราให้กลับมาสนิท
กับพระยะโฮวาอีกครั้ง
แล้วเราก็มีความสุข
นี่แสดงว่าการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลอย่างลึกซึ้ง
ช่วยให้คุณทำสิ่งที่ถูกต้อง
และใกล้ชิดกับพระยะโฮวา
แล้วเป็นยังไงต่อครับ?
และตอนนั้นเราก็รู้สึกอยาก
จะรับใช้พระยะโฮวาจริงๆ
เราทำตัวให้พร้อมสำหรับงานทุกอย่าง
เราสมัครไปกิเลียดซึ่งตอนนั้น
ไพโอเนียร์สมัครได้
เราสมัครช่วยงาน LDC
เราสมัครช่วยงานเบเธล
เรามีความสุขมากที่ได้ทำให้ตัวเองอยู่พร้อม
ทั้งๆที่ไม่ได้ถูกเรียก
แล้วก็มีเพื่อนที่ชวนเราไปรับใช้
ในเขตที่มีความจำเป็นมากกว่า
ที่นิการากัว เราก็เลยไปที่นั่น
ที่นิการากัวเป็นยังไงบ้างครับ?
นี่ค่ะ ฉันมีรูปให้ดู
เป็นรูปที่เรากำลังไปประกาศกัน
การประกาศที่นั่นเกิดผลดีมากเลยค่ะ
คนที่นั่นใจดี
เรามีนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลหลายคน
หลายปีที่อยู่ที่นั่นเรามีความสุขมากค่ะ
เหมือนที่ได้เห็นในรูป
เรามักจะใช้จักรยานในการประกาศ
ใช่ครับ เห็นแล้ว
หรือถ้าเราเดินผ่านบ้านพี่น้อง
พวกเขาก็มักจะชวนเรา
ให้กินข้าวกับพวกเขาด้วย
เรามักจะได้เรียนอะไรหลายอย่างจากพวกเขา
ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรมาก
แต่พวกเขาก็มีน้ำใจต้อนรับ
ดูจากรูปนี้
ผมเห็นหน้าตาของพวกคุณดูยิ้มแย้ม
พวกคุณดูมีความสุขมากจริงๆ
ที่ได้ไปรับใช้ในเขตที่มีความจำเป็นมากกว่า
ขอบคุณสำหรับรูปนะครับ
แล้วหลังจากที่รับใช้ที่นิการากัว
พวกคุณก็มารับใช้ที่สาขาประเทศอังกฤษ
ตอนนั้นพวกคุณรับใช้
ในแผนกอะไรกันบ้างครับ?
ฉันทำงานแผนกกฎหมายค่ะ
และฉันช่วยจัดการเรื่องวีซ่าให้กับ
ผู้รับใช้เต็มเวลาประเภทพิเศษค่ะ
งานที่ทำมีขั้นตอนยุ่งยากหลายอย่าง
และมักต้องใช้เวลานานมาก
แต่ก็เห็นเลยว่าพระยะโฮวา
ช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปได้
ดีใจที่ได้ยินครับ แล้วคุณล่ะมาร์ค?
ผมรับใช้ในแผนกประชาสัมพันธ์
ส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือ
การช่วยคนอื่นให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง
เกี่ยวกับพยานพระยะโฮวา
เราให้ข้อมูลกับสื่อ
กับรัฐบาล หรือมหาวิทยาลัย
ฟังดูเป็นงานที่ยากเลยนะครับ
ใช่ครับ ผมก็รู้สึกแบบนั้น
ผมกลัวมากตอนที่พี่น้อง
มอบหมายงานนี้ให้กับผม
ผมจำได้อยู่เลยว่ามีคืนหนึ่งที่นอนไม่หลับ
เพราะกลัวงานมอบหมายนี้
และผมก็ลุกขึ้นมาไปที่ห้องนั่งเล่น
แล้วอ่านอพยพบท 3 และ 4
เพราะผมคิดว่าโมเสสก็ได้รับงาน
แผนกประชาสัมพันธ์เหมือนกับผม
เขาต้องไปพูดกับผู้มีอำนาจ
อย่างเช่น ฟาโรห์
แต่ทุกครั้งที่โมเสสรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้
แต่พระยะโฮวาก็ทำให้เขามั่นใจว่า
เขาจะเป็นอะไรก็ได้ที่พระองค์อยากให้เป็น
และผมกับเพื่อนๆที่ทำงานด้วยกัน
ในแผนกก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน
และทุกครั้งที่เราเจอทางตัน
ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป
พระยะโฮวาก็ช่วยเรา
และนี่ทำให้ความเชื่อ
ของพวกเราเข้มแข็งมากขึ้น
เรื่องของพวกคุณเสริมความเชื่อเราจริงๆครับ
ที่เห็นว่าพระยะโฮวาใช้พวกคุณยังไงบ้าง
ผมคิดถึงตั้งแต่ตอนที่คุณเริ่ม
ทำความก้าวหน้าจนถึงตอนนี้
แล้วคุณได้เรียนอะไรอีกเกี่ยวกับพระยะโฮวา
จากประสบการณ์ของคุณ
ค่ะ ฉันเห็นเลยว่าพระยะโฮวาอดทนกับฉันมาก
พระองค์รู้ว่าฉันชอบทำอะไรสนุกๆ
และชอบเรียนรู้
แล้วพระองค์ก็ปล่อยให้ฉันได้ทำสิ่งนั้น
และถึงตอนนั้นฉันจะมีความสุขอยู่บ้าง
แต่พอได้ทำสิ่งที่พระยะโฮวาพอใจ
ฉันก็ได้สนิทกับพระองค์มากขึ้น
และมีความสุขมากกว่า
พระยะโฮวาช่วยฉันให้ได้เรียน
ทักษะใหม่ๆที่ฉันไม่เคยได้เรียนมาก่อน
และก็ให้ฉันได้งานมอบหมายที่สนุก
ที่ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ทำ
ฉันดีใจมากที่พระยะโฮวาให้ฉัน
ได้ชิมงานมอบหมายแบบนี้
แทนที่จะปล่อยให้ฉันทำตาม
การตัดสินใจที่ไม่ดีของตัวเอง
แล้วคุณล่ะครับมาร์ค?
ผมได้เรียนว่าพระยะโฮวามีความเมตตามาก
เมื่อมองย้อนกลับไป
ผมไม่กล้าขอความช่วยเหลือที่จำเป็น
เพราะผมกลัว
ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าพระยะโฮวา
อยากช่วยคนที่อยู่ในสถานการณ์แบบผม
แต่เพื่อนผมคนหนึ่ง
ก็ให้ผมดูข้อคัมภีร์หนึ่งที่ดีมาก
ผมจะอ่านให้คุณฟังได้ไหมครับ?
ได้เลย
อยู่ในอิสยาห์บทที่ 28 ครับ
ผมชอบตั้งแต่ข้อ 24 ถึง 29
แต่ผมจะอ่านแค่ส่วนหนึ่งของข้อ 24
ข้อนั้นอ่านว่า
“คนเราจะไถนาไปทั้งวันโดยไม่หว่านข้าวหรือ?”
ข้อนี้พูดถึงชาวนา
และไม่มีชาวนาคนไหน
ที่จะเอาแต่ไถนาอย่างเดียว
แต่เขาจะสนใจไปที่ผลผลิต
และดูแลให้มันเติบโต
พระยะโฮวาทำอย่างนั้นกับผมเลยครับ
พระองค์ไม่ได้อยากจะลงโทษเรา
แต่พระองค์อยากให้ผมรับใช้
พระองค์อย่างมีความสุข
และมีความรู้สึกผิดชอบที่สะอาด
และเรา 2 คนรู้สึกขอบคุณมาก
ที่พระยะโฮวาให้เรามีโอกาส
ได้รับใช้พระองค์อย่างมีความสุข
ประสบการณ์ของคุณช่วย
ให้เราเข้าใจทุกคัมภีร์นี้ได้ดีขึ้น
ขอเสริมจากสิ่งที่มาร์คพูดหน่อยนะคะ
มีอีกข้อหนึ่งที่เราได้เรียนกันในชั้นเรียนก็คือ
ที่ฮีบรู 9:14 ข้อนั้นบอกว่า
พระยะโฮวาอนุญาตให้เรา
“ทำงานรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์”
เพราะเรามีความรู้สึกผิดชอบที่สะอาด
เรา 2 คนรู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ
ถึงเราจะเคยทำผิด แต่ตอนนี้เรา
ก็ต้องตั้งใจรับใช้พระยะโฮวา
พูดอีกอย่างก็คือ เราต้องไม่ปล่อยให้อดีต
ทำให้เราเลิกรับใช้พระยะโฮวา
คุณ 2 คนก็ทำแบบนั้น
เห็นได้ชัดเลยว่าพระยะโฮวาช่วยพวกคุณจริงๆ
ขอบคุณนะครับที่มาเล่าให้เราฟัง
แขกคนต่อไปของเรามาจาก
สาขาแอฟริกาตะวันออกครับ
ขอต้อนรับพี่น้องวันชิคู วาชิโก
วันชิคูครับ ผมได้ยินว่าคุณมาจากเคนยา
พี่น้องที่นั่นเรียกคุณว่าชิโกะใช่ไหมครับ?
ใช่ค่ะ เรียกฉันชิโกะได้เลย
โอเค ชิโกะ
เล่าเรื่องของคุณให้เราฟังหน่อยได้ไหมครับ?
แม่เรียนความจริงตอนที่พวกเรายังเป็นเด็ก
ฉันก็เลยโตมาในความจริง
แต่พ่อของฉันไม่ได้เป็นพยานฯ
เขาเลยตั้งเป้าอยากให้พวกเราเรียนสูงๆ
ฉันเองก็อยากทำงานเป็นทนาย
เป็นทนายเหรอ
-ค่ะ
โอเค
ฉันอยากจะช่วยคนที่ด้อยโอกาส
อยากจะสู้เพื่อความยุติธรรม
ฉันตั้งใจว่าโตขึ้นฉันจะเป็นทนาย
แต่การเรียนกฎหมายคงเรียนหนัก
และใช้เวลามาก
แล้วมันมีผลต่อความสัมพันธ์
ที่คุณมีกับพระยะโฮวาไหม?
แน่นอนค่ะ
สมัยนั้นฉันสนใจแต่เรื่องเรียน
สนใจว่าจะสอบผ่านไหม
และตั้งใจว่าจะเป็นทนายให้ได้
ฉันก็เลยไม่ค่อยสนใจ
เกี่ยวกับพระยะโฮวาเท่าไหร่
แล้วอะไรทำให้คุณกลับมา
ใกล้ชิดกับพระยะโฮวา?
หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัยฉันก็ได้ที่อยู่
ซึ่งมันบังเอิญอยู่ติดกับหอประชุม
ฉันจำได้ว่ามีวันหนึ่งหลังจากที่ฉันเลิกงาน
ฉันเดินกลับบ้านหลังจาก
ที่ทำงานมาเหนื่อยทั้งวัน
แล้วฉันก็เห็นพยานพระยะโฮวากลุ่มหนึ่ง
กำลังเดินไปที่หอประชุม
แล้วฉันก็คิดได้ว่า
ฉันอยากเป็นเหมือนพวกเขา
ฉันถูกเลี้ยงมาแบบนี้
นี่เป็นสิ่งที่ฉันเองควรทำ
แล้วฉันก็ไปหอประชุมสัปดาห์ถัดไป
งั้นในกรณีนี้ การทำตามกระแส
ก็เป็นเรื่องดีน่ะสิ
จริงค่ะ
เพราะมันทำให้คุณได้กลับมาประชุมอีก
ตอนที่ไปประชุมคุณรู้สึกยังไง
ที่ได้กลับมาอยู่กับพี่น้องอีกครั้ง?
ประชาคมที่ฉันไปเป็นประชาคมที่อบอุ่น
และทุกคนรักกันมาก
พวกเขาต้อนรับฉันอย่างดี
พวกเขารักฉัน
ฉันรู้เลยว่าฉันควรอยู่ที่นี่
พวกเขาช่วยให้ฉันมีความเชื่ออีกครั้ง
ดีจังเลยนะครับ
แล้วคุณเริ่มรับใช้เต็มเวลายังไง?
อะไรทำให้คุณมารับใช้เต็มเวลา?
ฉันมีตารางสำหรับอ่านคัมภีร์ไบเบิล
เป็นเวลา 1 ปี
ฉันเลยตั้งเป้าที่จะทำสิ่งนี้
ปกติฉันมักจะไปถึงที่ทำงานเร็ว
ฉันดาวน์โหลดห้องสมุดว็อชเทาเวอร์ไว้
แล้วก็อ่านวันละส่วน แล้วพออ่านจบ
ฉันก็จะค้นคว้าต่อเกี่ยวกับข้อคัมภีร์เหล่านั้น
ฉันทำแบบนั้น 1 ปี แล้วก็ยังทำต่อไป
แสดงว่าคุณศึกษาอย่างลึกซึ้งเลยนะเนี่ย
ใช่ค่ะ
คุณเริ่มต้นแบบนี้นี่เอง
แล้วมีอะไรอีกที่ช่วยคุณให้มาเป็นไพโอเนียร์?
ฉันมักจะไปรับใช้กับพี่น้องไพโอเนียร์
แล้วก็มีบางคนที่ฉันไปด้วยบ่อยๆ
เธอรับใช้เป็นไพโอเนียร์
แล้วเธอก็มักจะบอกฉันตลอดว่า
ฉันก็เป็นไพโอเนียร์ได้
ตอนนั้นฉันเป็นทนาย ทำงานเต็มเวลา
ฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะเป็นไพโอเนียร์
- เธอไม่ยอมเลิกตื้อเลยใช่ไหม
- ใช่
เธอพูดตลอด
แล้วในที่สุดฉันก็เริ่มเป็นไพโอเนียร์
แล้วฉันก็มีโอกาสได้เข้าโรงเรียนไพโอเนียร์
นั่นพวกเราค่ะ
เราเห็นคุณถือหนังสือโรงเรียนไพโอเนียร์
แล้วคนนี้เป็นใครครับ?
นี่ละค่ะ
พี่น้องหญิงที่บอกฉันเสมอว่า
ฉันเป็นไพโอเนียร์ได้
ตอนนั้นเธอเข้าโรงเรียนเป็นครั้งที่ 2
เราเลยได้อยู่ชั้นเรียนเดียวกัน
ดูเหมือนว่าเขาตื้อคุณสำเร็จนะ
ใช่ค่ะ โรงเรียนนี้ดีมากเหมือน
ของขวัญจากพระยะโฮวา
พวกคุณยังสนิทกันใช่ไหมครับ?
ใช่แล้ว
ดีครับ
หลังจากนั้นคุณก็รับใช้เป็น
อาสาสมัครชั่วคราว
และต่อมาก็รับใช้เต็มเวลาที่เบเธล
คุณอยู่แผนกไหนครับ?
ฉันทำงานแผนกกฎหมายค่ะ
ก่อนหน้านี้คุณเล่าให้เราฟังว่า
เมื่อก่อนคุณเคยทำงานเกี่ยวกับด้านกฎหมาย
แต่ตอนนี้คุณทำงานนี้ให้กับพระยะโฮวา
และทำงานนี้ให้กับองค์การ
คุณจะบอกได้ไหมครับว่ามันต่างกันยังไง?
มันต่างกันมากเทียบกันไม่ได้ค่ะ
ตอนทำงานอาชีพฉันสนใจแต่จะหาเงิน
และอยากจะเลื่อนขั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ตอนนี้ที่ได้ทำงานให้พระยะโฮวา
เราได้สู้เพื่อพี่น้อง
ฉันรักพี่น้องตั้งแต่ยังไม่ได้เจอกัน
และเมื่อเจอกันก็ยิ่งรักมากขึ้นไปอีก
เพราะความเชื่อทำให้เราเป็นแบบนั้น
งานนี้ทำให้อิ่มใจและมีความสุข
มันเทียบกันไม่ได้เลยกับงานอาชีพ
ขอบคุณมากครับที่เล่าให้เราฟัง
ว่าพระยะโฮวาใช้คุณยังไง
และขอบคุณสำหรับการเสียสละของคุณ
ขอบคุณมาร์คกับเมลิซ่าด้วยครับ
เราได้รับกำลังใจมากที่เห็นว่า
พระยะโฮวานวดปั้นพวกคุณยังไง
ขอบคุณมากครับที่มา
เล่าเรื่องของพวกคุณให้เราฟัง
แขกคนต่อมาของเรามาจาก
สาธารณรัฐโดมินิกัน
ขอเชิญพี่น้องตีโต้ อาเบอูครับ
ยินดีต้อนรับครับตีโต้
ขอบคุณครับ
เล่าเรื่องคุณให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ
คุณเกิดในความจริงไหม?
ครับ แม่ผมเป็นพยานพระยะโฮวา
แต่พ่อไม่ได้เป็น
แต่พ่อก็สนับสนุนพวกเรา
เพราะเห็นว่าความจริง
ช่วยให้ชีวิตพวกเราดีขึ้น
และเป็นเพราะแม่ผมรักพระยะโฮวามาก
และก็รักงานประกาศด้วย
ก็เลยสอนพวกเราให้รักงานนี้
นี่ก็เลยทำให้ผมตั้งเป้า
ที่จะรับใช้เป็นไพโอเนียร์
และต่อมาผมก็ได้ไป
โรงเรียน MTS ในปี 2010
คุณเคยไป MTS เหรอ?
ครับ
แล้วหลังจากนั้น
คุณได้รับงานมอบหมายที่ไหนครับ?
ผมได้รับงานมอบหมาย
ให้เป็นไพโอเนียร์พิเศษ
อยู่ตอนกลางของเกาะครับ
มันเป็นงานมอบหมายที่ดีมาก
ผมให้คุณดูรูปนะครับ
โอโห!
ในรูปคือผมกับพี่น้องโฮเซ
ตอนนั้นเราอยู่กลางป่าเลย
ในรูปนี้เขาเป็นผู้ประกาศที่ยังไม่รับบัพติศมา
แต่ตอนนี้เขาเป็นไพโอเนียร์พิเศษครับ
คุณเห็นบ้านหลังเล็กๆข้างหลังนั้นไหม
เรามาในที่แบบนี้
เพราะต้องการจะประกาศกับคนหูหนวก
แต่ในบ้านหลังนั้นคุณจะเจอพ่อแม่
ที่พูดภาษาคลีโอลเฮติ
ส่วนลูกๆบางคนก็พูดภาษาสเปน
และลูกคนเล็กเขาไม่พูด
เราต้องคุยกับเขาเป็นภาษามือ
ดังนั้นเพื่อจะประกาศกับทุกคน
ในบ้านนี้เราต้องใช้ถึง 3 ภาษา
คุณใช้ภาษามือเป็นด้วยเหรอ?
เป็นครับ น้องสาวของผมหูหนวก
เราทั้งครอบครัวก็เลยต้องเรียนภาษามือ
เล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหมครับว่า
คุณเริ่มทำงานมอบหมายยังไง
คุณไปตามบ้านแล้วก็ตามหาคนหูหนวกไหม?
คืองี้ครับ
พี่น้องท้องถิ่นจะช่วยเราหาที่ที่มีคนหูหนวก
เราเริ่มต้นโดยไปสถานที่ 3 แห่งเหล่านี้
คือสถานีตำรวจ
ค่ายทหาร
และที่ว่าการอำเภอ
คุณไปสถานที่ราชการเลย
ใช่ครับ
แล้วเป็นไงบ้าง?
เออ มันดีมากเลยครับ
เพราะพยานพระยะโฮวามีความประพฤติที่ดี
ก็เลยทำให้พวกเรามีชื่อเสียงที่ดีในเมืองนั้น
ยิ่งกว่านั้นเราอยากให้พวกเขาเห็นด้วยว่า
พยานพระยะโฮวาสนใจ
และอยากจะช่วยคนหูหนวกด้วย
ตอนที่ผมไปประกาศ
ผมได้รายเยี่ยมตั้ง 3 รายเลยครับ
คนหูหนวกทั้ง 3 คนนี้
ทำงานให้กับนายกเทศมนตรี
แล้วผมก็ได้ศึกษากับพวกเขา
โห นายกเทศมนตรีให้
นักศึกษาคุณตั้ง 3 คนเลยนะ
พวกเขาก้าวหน้าไหมครับ?
ก้าวหน้าครับ
มีอยู่คู่หนึ่งที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน
โดยที่ยังไม่ได้จดทะเบียน
พอเรียนความจริง
พวกเขาก็เลยอยากทำให้พระยะโฮวาพอใจ
ก็เลยไปจดทะเบียนสมรส
พวกเขาสนิทกับพระยะโฮวาจริงๆ
และยิ่งกว่านั้นก็คือ
พวกเขาได้ช่วยเพื่อนๆที่เป็นคนหูหนวก
ให้เรียนเกี่ยวกับพระยะโฮวาด้วย
น่าประทับใจมากเลยครับ
เห็นได้ชัดเลยว่าเขตงานภาษามือกำลังเติบโต
เราได้ยินมาว่าเขตงานภาษาสเปน
และภาษาอื่นๆในสาธารณรัฐโดมินิกัน
ก็กำลังเติบโตด้วย
ใช่ครับ
เรามีวีดีโอเกี่ยวกับเขตงาน
ของภาษาหนึ่งในโดมิกัน
ให้เรามาดูด้วยกันครับ
เกาะฮิสปันโยลาครอบคลุมอาณาเขต
ของ 2 ประเทศคือ
สาธารณรัฐโดมินิกันและเฮติ
พยานพระยะโฮวาใน 2 ประเทศ
แสดงความเชื่อที่เข้มแข็ง
ในสาธารณรัฐโดมินิกัน
งานประกาศกำลังเติบโต
รวมถึงเขตงานภาษาคลีโอลเฮติด้วย
คนเฮติหลายคนอยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้น
พวกเขาก็เลยย้ายมาอยู่ที่สาธารณรัฐโดมินิกัน
ถึงแม้ว่าคนเฮติจะเชื่อในพระเจ้า
แต่น่าเศร้า
ที่พวกเขาคิดว่าพระเจ้าไม่สนใจพวกเขา
เราก็เลยเข้าไปช่วยเขา
เราพยายามเข้าใจพวกเขา
เราไปคุย แล้วก็ตั้งใจฟังที่เขาพูด
แล้วตอนกลับไปเยี่ยม
เราก็บอกให้เขารู้เกี่ยวกับความหวัง
เราช่วยให้เขาเชื่อในพระเจ้า
เราให้เขาดูจากคัมภีร์ไบเบิล
ว่ามีพระเจ้าที่ห่วงใยพวกเขาจริงๆ
ตอนที่เราไปประกาศ
ผู้คนก็ยิ้มและต้อนรับเรา
พวกเขาชอบชวนเราเข้าบ้าน
และถึงแม้เราจะประกาศตั้ง 2-3 ชั่วโมง
แต่เราก็ทำได้แค่ไม่กี่หลัง
เพราะเราใช้เวลากับแต่ละบ้านนานมาก
ที่จริงพวกเขาเป็นคนชวนเราคุยก่อน
มันง่ายมากที่จะเริ่มคุยกับพวกเขา
โดยใช้คำถามง่ายๆว่า
คุณเป็นยังไง? สบายดีไหม?
ถามแค่นี้ก็ทำให้คุยกันต่อได้แล้ว
พอพวกเขาได้เริ่มเรียนคัมภีร์ไบเบิล
พวกเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อย
นั่นทำให้เรามีความสุขมาก
จนไม่รู้จะพูดออกมายังไงเลย
วันหนึ่งตอนเราไปประกาศตามบ้าน
เราเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ลูกคนเดียวของเธอตาย
เธอแปลกใจมาก
ที่รู้ว่าพระยะโฮวาไม่ได้เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้
แล้วไม่นานเธอก็บอกเราว่า
วิธีเดียวที่จะตอบแทนพระยะโฮวา
ที่ดึงเธอออกมาจากความมืดก็คือ
การรับใช้พระองค์
ตอนนี้เธอเป็นพี่น้องแล้ว
เรารักเธอมาก
เพราะชีวิตเธอมีจุดมุ่งหมาย
เราก็ได้เห็นเธอยิ้มบ่อยขึ้น
ฉันมีความสุขมาก
ตอนที่ได้เห็นคนที่รับบัพติศมาขึ้นมาจากน้ำ
พระยะโฮวาเป็นคนช่วยเขา
และฉันก็ดีใจมากที่ได้มีส่วนช่วย
ให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงชีวิต
ถึงเราจะมีผู้ประกาศแค่ 30 คน
แต่ก็มีจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมมากถึง 70 คน
และปกติแล้วการประชุมอนุสรณ์ในแต่ละปี
ก็จะมีมากกว่า 300 คนมาเข้าร่วม
นี่เป็น 10 เท่าของจำนวนผู้ประกาศเลย
ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไม
พระยะโฮวาถึงอดทนมาก
เพราะยังมีอีกหลายคนที่อยากเรียนความจริง
ไม่ว่าจะที่ไหนในเขตของเรา
ก็มีผู้คนมากมายที่พร้อมจะฟังข่าวดี
เหมือนกับที่พระเยซูบอกไว้ในยอห์นบทที่ 4
งานเกี่ยวเป็นงานที่ใหญ่ และเร่งด่วน
แต่คนที่ทำงานนี้จะมีความสุข
เรามีความสุขด้วยกัน
เพราะได้มีส่วนในงานเกี่ยวที่ทำกันอยู่ทั่วโลก
น่าดีใจมากที่เห็นว่าพระยะโฮวากำลัง
อวยพรงานประกาศให้เติบโต
และชักนำผู้คนมาหาพระองค์
ตอนนี้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับ
งานที่เบเธลได้ไหมครับ?
คุณทำงานแผนกไหน?
ตอนนี้ผมทำงานในแผนกดูแลสุขภาพครับ
แผนกของเราให้ความช่วยเหลือ
กับผู้รับใช้เต็มเวลาประเภทพิเศษ
ซึ่งรวมถึงมิชชันนารี
ไพโอเนียร์พิเศษ
และผู้ดูแลหมวดที่รับใช้ในเขตสาขาเรา
แต่ตอนนี้สภาพการณ์
ในเฮติไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เราก็เลยให้ความช่วยเหลือกับพี่น้องที่นั่นด้วย
แล้วตอนที่คุณเห็นผู้รับใช้เต็มเวลา
ประเภทพิเศษจากเฮติ
มาที่โดมินิกันเพื่อจะมารักษาตัว
คุณได้เห็นคุณลักษณะ
ที่ดีอะไรในตัวพวกเขาครับ?
เรารู้ว่างานมอบหมายของพวกเขา
ค่อนข้างเครียด
เราเลยอยากช่วยพวกเขา
ให้ผ่อนคลายตอนอยู่ที่นี่
และเราก็ยังให้ความช่วยเหลือ
ที่จำเป็นด้านสุขภาพกับพวกเขาด้วย
และพวกเขาก็ทำให้เราทึ่งมาก
นี่ทำให้ผมนึกถึงพี่น้องคู่หนึ่งครับ
น่าเศร้าที่เราต้องแปลผล
วินิจฉัยโรคให้พวกเขาฟัง
ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก
หลังจากที่พวกเขาเข้าใจสถานการณ์
และรู้วิธีรักษาแล้ว
สิ่งแรกที่พวกเขาถามก็คือ
จะรักษาเร็วๆนี้เลยได้ไหม?
พอหมอถามเขาว่า ทำไมล่ะ?
สิ่งที่พวกเขาบอกหมอ
มันน่าประทับใจมากครับ
พวกเขาบอกว่า
เพื่อนและพี่น้องในเฮติต้องการพวกเรา
และเราก็อยากรีบไปช่วยพวกเขา
ถ้าการรักษานี้เสร็จเร็ว
เราก็จะกลับไปประกาศกับพวกเขาต่อได้
มันน่าประทับใจมากที่เห็นว่า
ถึงแม้พวกเขาจะป่วยหนักมาก
แต่ก็ยังคิดถึงพี่น้องอยู่เสมอ
นี่เป็นตัวอย่างของความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวจริงๆ
ขอบคุณมากนะครับที่เล่าให้ฟัง
จากงานที่คุณทำดูเหมือนคุณจะผูกพัน
กับพี่น้องที่เฮติมากนะครับ
แต่ไม่ใช่แค่นั้น
ตลอด 5 เดือนที่กิเลียด
คุณอยู่กับเพื่อนร่วมห้อง
ที่มาจากเฮติใช่ไหมครับ?
ใช่ครับ
เราคุยกับเขาหน่อยดีไหมครับ?
ได้เลย
ขอเชิญแขกคนต่อไปของเราครับ
พี่น้องแฟรงคลิน เอมี่จากสาขาเฮติ
ขอบคุณมากครับแฟรงคลินที่มาอยู่กับเรา
ยินดีครับ
เล่าเรื่องของคุณให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?
คุณโตในความจริงไหม?
ครับ แม่ของผมที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
สอนความจริงให้กับพวกเรา
ผมมีพี่น้อง 5 คน ผมเป็นคนเล็กสุด
แม่ผมขยันมากและมีความเชื่อเข้มแข็ง
และคอยสอนผมตั้งแต่เด็กๆ
ผมก็เลยประทับใจมาก
แม้บางวันเราจะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้
เราจะมีอะไรกินไหม
แต่แม่ก็ไว้ใจพระยะโฮวามาก
ผมมักจะเห็นแม่อธิษฐานบ่อยๆ
และฝากความกังวลไว้กับพระยะโฮวา
และพระองค์ก็ช่วยพวกเราเสมอ
ตัวอย่างของแม่ช่วยให้ผมรู้ว่า
พระยะโฮวาเป็นบุคคลจริงๆ
และนี่ทำให้ผมมีความเชื่อในพระองค์
ตัวอย่างของแม่เป็นการสอนที่ดีมากจริงๆ
แล้วมีอะไรอีกไหมครับ?
ผมได้ไปโรงเรียน MTS ในปี 2010 ครับ
ปี 2010 เหรอ ปีเดียวกับคุณเลยนี่ตีโต้
ใช่ครับ
แต่ผมเรียนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเกาะ
ที่จริงเรารับบัพติศมาสัปดาห์เดียวกันด้วย
สัปดาห์เดียวกันเลยหรอ?
ใช่ครับ ปี 1997
นี่พวกคุณใช้ชีวิตเหมือนกันเลย
แต่แค่อยู่กันคนละฟากของเกาะ
ใช่ครับ
แต่ในเดือนมกราคม ปี 2010
มีแผ่นดินไหวใหญ่ที่เฮติ
มันรุนแรงมาก
และก็มีหลายคนเสียชีวิต
ชั้นเรียนของคุณได้รับผลกระทบอะไรไหมครับ?
แผ่นดินไหวทำให้เราต้องเปลี่ยนตารางเรียน
ตอนเช้าเราก็ยังเรียนกันตามปกติ
แต่ตอนบ่ายพวกเราทุกคน
จะไปช่วยงานบรรเทาทุกข์
ผมมีภาพให้คุณดูด้วยครับ
ในรูปนี้ทำอะไรกันอยู่ครับ?
นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของผม
ที่ช่วยกันทำงานในตอนบ่ายวันหนื่ง
พวกเราช่วยกันขนของบรรเทาทุกข์
เพื่อเอาไปช่วยพี่น้อง
สุดยอดไปเลยครับ
ตอนเช้าพวกคุณเรียนเรื่องพระเยซู
และพอถึงตอนบ่าย
พวกคุณก็เอาเรื่องที่เรียนไปใช้
ใช่ครับ
ดีมากเลยครับ
แล้วหลังจาก MTS คุณไปไหน?
ผมได้รับมอบหมายให้เป็น
ไพโอเนียร์พิเศษในเมืองเล็กๆ
ผมชอบงานนี้มาก
และมีความสุขที่ได้เห็น
พระยะโฮวาอวยพรงานที่นั่น
และดีใจที่ช่วยผู้คนให้มารู้จัก
และรักพระยะโฮวา
เห็นชัดเลยว่าผู้คนในเฮติอยากรู้จัก
พระเจ้าและตอบรับอย่างดี
แต่ความไม่สงบทางการเมือง
มีผลอะไรกับงานประกาศไหมครับ?
ความไม่สงบทางการเมือง
ไม่ได้ทำให้ความกระตือรือร้น
ของพี่น้องที่เฮติลดลงเลย
ถึงแม้ว่าไม่กี่ปีมานี้
จำนวนผู้ประกาศจะลดลง
เพราะพี่น้องบางคนต้องหนีออกจากประเทศ
แต่งานรับใช้ของเรากลับเติบโตมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น
ถึงแม้ความไม่สงบทางการเมืองจะรุนแรงมากขึ้น
แต่ในปีการรับใช้ 2024
จำนวนนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล
ก็เพิ่มขึ้นถึง 18 เปอร์เซ็นต์
เมื่อเทียบกับปี 2021
จำนวนไพโอเนียร์สมทบก็เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า
ส่วนจำนวนผู้รับบัพติศมา
ก็เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า
เห็นชัดเลยว่าพระยะโฮวา
อวยพรงานรับใช้ที่นี่
ถึงแม้จะมีปัญหามากมาย
สุดยอดมากเลยครับ
เมื่อกี้คุณพูดถึงความไม่สงบทางการเมือง
ที่เริ่มรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้
มันไม่ง่ายเลยนะครับ
แล้วพี่น้องได้รับผลกระทบยังไงบ้างครับ?
พี่น้องของเราต้องย้ายที่อยู่หลายครั้ง
บางคนเอาไปได้แค่กระเป๋าฉุกเฉิน
หรือแค่ชุดที่ใส่ในวันนั้นเท่านั้น
เมื่อพวกเขาหนีไปที่หนึ่ง
ไม่กี่อาทิตย์หรือไม่กี่เดือนต่อจากนั้น
พวกเขาก็ต้องหนีอีก
ถึงแม้พี่น้องต้องเจอสภาพการณ์ที่ยากลำบาก
แต่พวกเขาก็มีความสุข
มีใจที่สงบ นี่ทำให้ผมประทับใจมาก
ตัวอย่างเช่น
ต้นปีนี้เองมีพี่น้องชายหญิงถึง 300 คน
ที่อยู่ใกล้ๆกับเมืองหลวง
ต้องหนีเอาชีวิตรอดไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง
ในสัปดาห์เดียวกันนั้น
สำนักงานสาขา
เลยส่งคณะกรรมการสาขา 2 คน
ไปเยี่ยมพี่น้อง
และจัดการประชุมพิเศษ
ที่มีคำบรรยายที่ให้กำลังใจ
ผมมีรูปด้วยครับอยากให้คุณดู
นี่เป็นรูปอะไรครับ?
นี่เป็นรูปการประชุมพิเศษที่จัดขึ้น
ในภาพจะเห็นว่ามีพี่น้องชายหญิงหลายคน
พวกเขาแต่งตัวเรียบร้อย
คณะกรรมการสาขาประทับใจมาก
ที่เห็นพี่น้องมากันเต็มหอประชุม
ทั้งๆที่พวกเขาเพิ่งหนีมา
แต่ถึงอย่างนั้นพี่น้องเหล่านี้ยังคงมีความสุข
แล้วก็อยู่พร้อมที่จะนมัสการพระยะโฮวา
ผมประทับใจที่เห็นว่า
พี่น้องเหล่านี้ยังมาประชุม
ทั้งๆที่ต้องหนีเอาชีวิตรอด
เป็นตัวอย่างที่ดีมากเลยครับ
เห็นเลยว่าพวกเขาได้รับ
กำลังจากพระยะโฮวาจริงๆ
ตอนนี้ให้เรามาดูว่าพระยะโฮวาใช้องค์การ
และพี่น้องที่นำหน้ายังไง
ในวีดีโอต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เฮติ
ผู้ดูแลหมวดคนหนึ่งจะเล่าเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นที่นั่นให้เราฟัง
เฮติอยู่ทางตะวันตกของเกาะฮิสปันโยลา
คนของพระยะโฮวาที่นี่
เจอความยากลำบากหลายอย่าง
แต่พวกเขาก็กล้าหาญ
ถ่อม และไว้ใจพระยะโฮวา
ความเชื่อที่เข้มแข็งของพวกเขา
ทำให้เราได้กำลังใจมาก
เรากำลังเตรียมตัวไปประชุมหมวด
แบบเจอตัวกันครั้งแรก
หลังจากการระบาดของโควิด 19
พี่น้องบางคนอยู่ในเขตที่เกิด
ความไม่สงบทางการเมือง
นี่ก็เลยทำให้ยาก
ที่พวกเขาจะออกจากบ้าน
และไปเข้าร่วมการประชุมหมวด
การทำแบบนี้
พวกเขาจะต้องใช้ความกล้าหาญมาก
ตอนที่เรามาถึงหอประชุม
เราก็เห็นพี่น้องหลายคนอยู่ที่นั่นแล้ว
พวกเขามีความสุข
กอดกันและกัน
พี่น้องหญิงก็กอดกัน
และให้กำลังใจกันด้วย
มันนานมากแล้วที่พวกเขา
ไม่ได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้
มันเป็นเหมือนงานเลี้ยงใหญ่
ที่เสริมความเชื่อพวกเรา
คำบรรยายต่างๆ
ที่การประชุมก็ให้กำลังใจมาก
การประชุมช่วยเตรียมเราให้พร้อม
สำหรับปัญหาที่กำลังจะเจอ
เนื่องจากความไม่สงบทางการเมือง
นี่เลยเป็นการประชุมหมวด
แบบเจอตัวกันครั้งสุดท้าย
เพราะหลังจากนั้นเรา
ก็จัดการประชุมไม่ได้อีก 2 ปี
ผมดีใจที่ได้เห็นพี่น้องยังสนิท
และซื่อสัตย์กับพระยะโฮวา
ผู้ดูแลแสดงความถ่อมมาก
พวกเขารีบทำตามคำแนะนำที่มาจากองค์การ
พอได้รับคำแนะนำ
พวกเขาก็พยายามอย่างมากที่จะเอาไปใช้ทันที
โดยเฉพาะคำแนะนำที่ให้ดูแลพี่น้อง
ที่ประสบปัญหาจากความรุนแรงทางการเมือง
เมื่อเรามองไปที่พี่น้อง
เราเห็นพวกเขารักกันมาก
ความรักของพวกเขาไม่น้อยลงเลย
พวกเขาคอยช่วยกันตลอด
เรายังเห็นด้วยว่าแม้พวกเขาจะเจอ
ความยากลำบากหลายอย่าง
แต่พวกเขาก็สนิทกับพระยะโฮวามากขึ้น
เราเห็นพวกเขามั่นใจในพระยะโฮวามากขึ้น
และเต็มใจที่จะเอาคำแนะนำจาก
องค์การของพระองค์ไปใช้
พี่น้องเหล่านี้อดทนมากจริงๆ
ผมกับภรรยาได้บทเรียนที่สำคัญจากเรื่องนี้
การให้พระยะโฮวาชี้นำพวกเรา
เป็นสิ่งที่ดีที่สุดจริงๆ
เรามั่นใจว่าพระยะโฮวาจะไม่มีวันทิ้งเรา
พระองค์จะอยู่กับเราเสมอ
ไม่ว่าเราต้องเจอกับอะไร
นี่เลยทำให้เรามั่นใจว่า
ไม่ว่าสถานการณ์จะแย่ขนาดไหน
เราก็ไว้ใจพระยะโฮวาได้เสมอ
บนเกาะแห่งนี้ที่มี 2 ประเทศ
คนของพระยะโฮวา
กำลังรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์
เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นที่นี่
ทำให้เห็นว่าพระยะโฮวาอยู่กับคนของพระองค์
พวกเราจะอดทนและรับใช้พระองค์ต่อๆไป
ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม
เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมากเลยครับ
เราเห็นว่าพี่น้องในเฮติ
ไม่ใช่แค่เจอกับความยากลำบากเท่านั้น
แต่เหมือนที่โคโลสี 1:11 บอกว่า
พวกเขา “อดทนจนถึงที่สุด...ด้วยความยินดี”
พระยะโฮวาให้พลังบริสุทธิ์กับพวกเขา
คอยช่วยและให้กำลังกับพวกเขา
ขอบคุณพวกคุณทั้ง 2 มากนะครับ
ที่อดทนและซื่อสัตย์
และที่คุณแสดงความรักกับพี่น้อง
ในสาธารณรัฐโดมินิกันและเฮติ
จากประสบการณ์ที่เราได้ยินในวันนี้
ไม่ใช่แค่เรื่องราวของพี่น้อง 5 คนเท่านั้น
แต่เรายังได้ฟังเรื่องราวของพระยะโฮวาด้วย
เราเห็นพระยะโฮวาใช้พลังของพระองค์
ช่วยผู้รับใช้ของพระองค์
ให้รับมือกับปัญหาต่างๆ
ที่พวกเขารับมือด้วยตัวเองไม่ได้
เราเห็นพระยะโฮวาชักนำคนใหม่ๆ
เข้ามาหาพระองค์ด้วย
และพระองค์ยังเป็นช่างปั้นหม้อ
ที่เปี่ยมด้วยความรัก อดทน และเมตตา
พระองค์นวดปั้นเราให้เป็นอะไรก็ได้
อย่างที่พระองค์อยากให้เป็น
ใช่แล้วครับ
ถึงเราจะเป็นเหมือนดินเหนียวที่
ไม่สมบูรณ์แบบและมีขีดจำกัด
แต่ถ้าเราเต็มใจให้พระยะโฮวานวดปั้น
พระองค์สามารถทำให้เราเป็นอะไรก็ได้
เพื่อทำให้ความประสงค์ของพระองค์สำเร็จ
คำถามก็คือ
พระยะโฮวาจะปั้นคุณให้เป็นอะไร?
แล้วพบกันใหม่นะครับ
ในรายการจับเข่าเล่าเรื่อง
ขอบคุณมากครับโจเอล
และนักเรียนกิเลียดทุกคน
ที่มีส่วนในการสัมภาษณ์
เราชอบมากครับ 
ในส่วนต่อไปเราจะได้ฟัง
คำบรรยายหลักของการประชุมในวันนี้
ผู้บรรยายก็คือพี่น้องโจดี เจดลี 
สมาชิกคณะกรรมการปกครอง
และชื่อเรื่องก็คือ
“ให้พระยะโฮวาพอใจต่อๆไป” เชิญครับ 
นักเรียนกิเลียดทุกคนครับ
อีกไม่นานคุณก็จะเรียนจบแล้ว
ตอนนี้คุณคงรู้สึกดีใจและขอบคุณมาก
สำหรับทุกสิ่งที่ได้รับจากโรงเรียนกิเลียด
คงไม่มีคำไหนมาบรรยายได้ถึงความสุข
ที่คุณได้มาเรียนคัมภีร์ไบเบิลอย่างลึกซึ้ง
ได้มารู้จัก ได้รักพระยะโฮวามากขึ้นไปอีก
ที่จริงเราก็มีความสุขที่ได้ยินว่า
คุณชอบที่ได้เรียนจากที่นี่มากแค่ไหน 
คุณได้รับการสอนและสนับสนุน
จากแผนกโรงเรียนตามระบอบ
ของพระเจ้าและครูทุกคน
และยังได้รับความช่วยเหลือจาก
แผนกต่างๆของเบเธล
และตอนที่อยู่ที่นี่
คุณก็ได้รับความช่วยเหลือหลายๆอย่าง
จากพี่น้องชายหญิงหลายคนด้วย 
ทำไมพวกเขาทำอย่างนั้น?
ทำไมพวกเขาช่วยเหลือคุณ?
เพราะพวกเขารักคุณและอยากให้คุณ
ได้รับประโยชน์จากกิเลียดให้มากที่สุด
ใช่แล้ว พวกคุณได้รับสิ่งดีๆมากมาย
เพื่ออะไรครับ?
เพื่อคุณจะช่วยคนอื่นให้มั่นคงเข้มแข็ง
ซาตานไม่ชอบที่มีมากกว่า 9 ล้านคน
ซึ่งอยู่ในอุทยานโดยนัยอย่างมีความสุข
และยังมีเพิ่มขึ้นอีกหลายพันคนทุกสัปดาห์
และเราอยากให้มีคนเข้ามา
ในอุทยานโดยนัยมากขึ้นเรื่อยๆ 
ตอนอยู่ที่กิเลียดคุณได้รับการเสริม
ให้มั่นคงและเข้มแข็งขึ้น
เพื่อตอนนี้คุณจะได้ใช้
สิ่งที่ได้เรียนในโรงเรียนนี้
และความใกล้ชิดกับพระยะโฮวา
ไปช่วยคนอื่นให้มั่นคงและเข้มแข็งด้วย 
คุณจะทำอย่างนั้นได้ยังไงครับ?
โดยทำสิ่งที่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวา
ทุกคนกำลังทำอยู่
คือพยายามเลียนแบบพระยะโฮวาพ่อของเรา
ในงานมอบหมายและกิจกรรมต่างๆ
ของเราในแต่ละวัน
นี่คือสิ่งที่คุณทำอยู่แล้วก่อนที่จะมากิเลียด
แต่ตอนนี้เมื่อคุณจบจากที่นี่
คุณก็จะทำมากขึ้นอีก 
และเราจะประสบความสำเร็จได้ยังไง?
ให้เรามาดูว่าเราต้องทำอะไร?
และเราจะดูเหตุการณ์บางอย่าง
เพื่อจะช่วยคนอื่นให้มั่นคงและเข้มแข็ง
ก่อนอื่นให้เราดูที่สุภาษิตบท 13
และอ่านส่วนแรกในข้อ 15
สุภาษิต 13:15 ครับ
“ใครๆก็ชอบคนที่มีความเข้าใจลึกซึ้ง”
นี่หมายความว่ายังไงครับ?
ให้เรามาทำความเข้าใจด้วยกันครับ
เราที่เป็นคริสเตียนก็อยากให้คนอื่นชอบเรา
แต่ที่สำคัญที่สุด
เราอยากให้พระยะโฮวาพอใจ
อยากให้พระองค์ยอมรับ
และอวยพรในสิ่งที่เราทำ
ที่จริงพระองค์ก็อยากแสดง
ความพอใจต่อเราอยู่แล้ว
พระองค์มองหาโอกาสที่จะ
แสดงความพอใจกับนักเรียน
ขอโทษครับ ผู้รับใช้ของพระองค์
และคุณก็เห็นว่าพระองค์แสดง
ความพอใจคุณก่อนมากิเลียดด้วยซ้ำ 
พวกคุณเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่ดี
เป็นคนที่พระยะโฮวาชอบ
เมื่อคุณจบจากกิเลียด
เราอยากให้คุณแสดงความเข้าใจลึกซึ้ง
เพื่อพระยะโฮวาจะพอใจคุณต่อๆไป 
แล้วการมีความเข้าใจลึกซึ้งในคัมภีร์ไบเบิล
หมายความว่ายังไงครับ?
หนังสืออ้างอิงฉบับหนึ่งบอกว่า
คำภาษาเดิมของคำว่า “ความเข้าใจลึกซึ้ง”
หมายถึง “คุณสมบัติในแง่ความรอบคอบ
การตัดสินที่ถูกต้องและความคิดที่สุขุม”
หนังสืออ้างอิงอีกเล่มหนึ่งบอกว่า
คือ “มองสภาพการต่างๆให้ออก
และมองให้ออกว่าทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น?”
“ต้องเข้าใจเหตุผลอย่างชัดเจนจริงๆ”
“เป็นความรู้ที่ทำให้คนเราทำสิ่งต่างๆ
อย่างฉลาดและประสบความสำเร็จ”
ทั้งหมดนี้ฟังดูมีเหตุผล
ทุกคนคงเห็นด้วยว่าเรา
ต้องมีวิจารณญาณที่ดี
ต้องมองให้ออกถึงเหตุผลเบื้องหลัง
ดังนั้นคงไม่ยากเกินไปที่จะเข้าใจคำว่า
“ความเข้าใจลึกซึ้ง” 
ทำไมหนังสือสุภาษิตเตือนเราเรื่องนี้?
เพราะในชีวิตจริง
การแสดงความเข้าใจลึกซึ้งมันไม่ง่าย
ตอนที่ทำงานมอบหมาย
เราต้องเจอกับผู้คนหลายแบบ
หลายสถานการณ์
นอกจากนั้น เราแต่ละคนก็ไม่สมบูรณ์ด้วย
ความคิดเห็น ภูมิหลัง
และวัฒนธรรมก็ไม่เหมือนกัน
และตอนที่ทำงานกับแผนกอื่น
เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องเดียวกันกับเรา
นอกจากนั้น ตัวเราเองหรือ
คนอื่นที่เราทำงานด้วย
ก็อาจจะนอนไม่ดีเมื่อคืนนี้
นี่เลยทำให้ยากที่จะมีความเข้าใจลึกซึ้ง 
ขอคิดถึงตัวอย่างของโมเสส
เขาเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระยะโฮวา
รวมๆแล้วเขาเป็นคนที่พระเจ้าพอใจ
แต่พระยะโฮวาพอใจเขาไหม?
ตอนที่เขาจัดการเรื่องน้ำให้กับ
ชาวอิสราเอลที่เมรีบาห์ใกล้ๆคาเดช
เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยาก
เขาถูกกดดัน
และพอเขาตีหิน น้ำก็ออกมา 
น่าเศร้าที่โมเสสไม่ได้แสดง
ความเข้าใจลึกซึ้งในวันนั้น
เขาไม่ได้ให้เกียรติพระยะโฮวา
เขาไม่ได้รับมือกับปัญหาอย่างถูกต้อง
ไม่ได้ช่วยให้ประชาชน
มีความมั่นคงและเข้มแข็ง
เหตุการณ์นี้สอนเราว่า
แม้ที่ผ่านมาพระยะโฮวาจะพอใจเราอยู่แล้ว
แต่บางครั้งเราอาจสูญเสีย
ความพอใจจากพระยะโฮวาได้
ถ้าเราจัดการกับบางเรื่องอย่างไม่เหมาะสม 
แม้โมเสสจะทำงานมอบหมายของเขาต่อไป
และเป็นผู้นำของชาติอิสราเอล
แต่เขาก็ได้รับการสั่งสอน
และไม่ได้รับงานมอบหมายในอนาคต
เพราะไม่ได้แสดง
ความเข้าใจลึกซึ้งในตอนนั้น
ดังนั้นเราต้องแสดงความเข้าใจลึกซึ้ง
โดยเฉพาะตอนที่ทำได้ยาก 
ดังนั้น อะไรเป็นขั้นตอนแรก
ที่จะแสดงความเข้าใจลึกซึ้งครับ?
ให้เราดูที่สดุดีบท 32
ในข้อที่ 8
สดุดี 32:8
พระยะโฮวาพูดว่า
“เราจะช่วยเจ้าให้มีความเข้าใจ
และจะบอกทางที่เจ้าควรไป
เราจะแนะนำเจ้าและคอยดูเจ้า” 
ขั้นตอนแรก เราต้องรู้ว่าพระยะโฮวา
เป็นแหล่งของความเข้าใจลึกซึ้ง
พระองค์สอนเรา
พระองค์ทำอย่างนั้นโดยทางคัมภีร์ไบเบิล
พลังบริสุทธิ์ องค์การ
และพี่น้องร่วมความเชื่อ
จากนั้นเมื่อเราปรับความคิดของเรา
ให้สอดคล้องกับความคิดของพระยะโฮวา
เราก็จะจัดการเรื่องต่างๆได้อย่างดี 
เราเลียนแบบคุณลักษณะ
และวิธีการของพระองค์
คุณทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
แล้วคุณก็เห็นว่าพระยะโฮวาพอใจคุณ
ให้ทำอย่างนั้นต่อๆไป
แสดงความเข้าใจลึกซึ้ง
แล้วคุณจะช่วยให้พี่น้องมีความมั่นคงเข้มแข็ง 
ตอนนี้ ให้เรามาดูสถานการณ์บางอย่าง
และดูว่าคุณลักษณะและการกระทำอะไร
ที่จะช่วยเราให้มีความเข้าใจลึกซึ้ง
และทำให้พระยะโฮวาพอใจ?
เราอยากจะช่วยพี่น้อง
ในประชาคมใช่ไหมครับ?
เราอยากจะช่วยพวกเขา
ให้มีความมั่นคงเข้มเข็ง 
พี่น้องชายที่เป็นผู้ดูแล
คุณสังเกตว่ามีพี่น้องหญิงคนหนึ่ง
ที่ไม่ได้มาประชุมเป็นประจำ
คุณเลยอยากช่วย
แล้วนัดพี่น้องชายอีกคนหนึ่ง
ไปเยี่ยมบำรุงเลี้ยงเธอ
ตอนที่ไปเยี่ยมคุณบอกว่า
พี่น้องคิดถึงเธอมากแค่ไหน?
คุณเปิดข้อคัมภีร์ที่เน้นถึง
ความสำคัญของการไปประชุม
แล้วคุณก็อธิษฐาน 
แน่นอนว่ามันดีที่คุณไปเยี่ยมเธอ
คุณมีข้อมูลที่ดี
แต่คุณแสดงความเข้าใจลึกซึ้ง
ในตอนนั้นไหม?
ก็เกือบนะครับ
คุณมีเจตนาดีแต่ไม่ได้แสดงความเข้าใจลึกซึ้ง
เพราะคุณไม่ได้ใช้เวลามากพอที่จะรู้ว่า
สามีที่ไม่มีความเชื่อ
ไม่ยอมให้เธอใช้รถไปประชุม
เธอแค่ต้องการคนมารับ
และบ้านเธออยู่ไกล
จากหอประชุมตั้ง 20 นาที
เธอเลยเกรงใจไม่กล้าขอพี่น้องมารับ 
คุณจำความหมายของ
“ความเข้าใจลึกซึ้ง” ได้ไหม?
เราต้อง “เข้าใจเหตุผลอย่างชัดเจนจริงๆ”
แล้วค่อยคิดว่า “จะทำยังไง?”
แทนที่จะให้คำแนะนำเธอว่า
การประชุมเป็นเรื่องสำคัญ
ผู้ดูแลควรให้กำลังใจว่า
เธอไม่ได้เป็นภาระของพี่น้อง
ช่วยเธอให้มั่นใจว่า
ไม่ต้องเกรงใจที่จะขอพี่น้องมารับ
พี่น้องยินดีที่จะช่วย
หลังจากบำรุงเลี้ยง
ผู้ดูแลคิดว่าเขาให้คำแนะนำที่ดีแล้ว
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว
พี่น้องหญิงคนนี้ก็ยังไม่มีรถมาประชุม
แถมยังท้อใจมากขึ้นอีก
เราช่วยพี่น้องให้มั่นคงเข้มแข็งไหม?
เราต้องแสดงความเข้าใจลึกซึ้ง 
แล้วอะไรจะช่วยเรา
ให้มองออกว่าอะไรคือปัญหาจริงๆ?
โดยการแสดงความสนใจ
เป็นส่วนตัวและตั้งใจฟัง
เราต้องใช้เวลาตั้งใจฟัง
และพยายามมองให้ออก
ว่าอะไรคือปัญหาจริงๆ
นี่แสดงว่าเรามีความเข้าใจลึกซึ้ง 
การมีความเข้าใจลึกซึ้งและเสริมสร้าง
ประชาคมให้มั่นคงเข้มแข็ง
เป็นหน้าที่ของพี่น้องชายเท่านั้นไหม?
ไม่
พี่น้องหญิงมีส่วนสำคัญมากในการ
ช่วยประชาคมให้มั่นคงเข้มแข็ง
ในประชาคมส่วนใหญ่มากกว่า
ครึ่งหนึ่งเป็นพี่น้องหญิง
เป็นพี่น้องกลุ่มใหญ่เลยใช่ไหมครับ?
และคุณพี่น้องหญิง บางครั้งคุณจะช่วย
ได้มากกว่าพี่น้องชายด้วยซ้ำ 
ให้เราดูที่ทิตัส
ทิตัสบท 2
เราจะอ่านส่วนแรกของข้อ 3
“สอนผู้หญิงสูงอายุให้ประพฤติตัว
แบบคนที่นับถือพระเจ้า”
พี่น้องหญิงทุกคนที่นี่ซื่อสัตย์และนับถือ
พระยะโฮวาและองค์การของพระองค์
ขอบอกก่อนนะครับ
ผมไม่ได้บอกว่าพวกคุณสูงอายุ
ผมรู้ว่าคงไม่เหมาะที่จะคุย
เรื่องอายุกับพี่น้องหญิง 
และเมื่อคุณไปยังงานมอบหมาย
ไปยังประชาคมของคุณ
คุณอาจเห็นว่าพี่น้องหญิงหลายคน
มีอายุน้อยกว่าคุณ
แล้วคุณจะช่วยได้ยังไง?
ดูข้อ 4 ครับ
“เธอจะได้แนะนำผู้หญิงสาวๆ”
เห็นบทบาทของคุณไหม?
การที่คุณเป็นผู้ใหญ่ด้านความเชื่อ
คุณสามารถช่วยพี่น้องหญิง
ในประชาคมที่อายุน้อย
ให้มั่นคงเข้มแข็งได้ 
ลองคิดถึงตัวอย่างนี้นะครับ
พี่น้องหญิงอายุน้อยคนหนึ่ง
อาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ไม่ได้อยู่ในความจริง
เธอเป็นพี่น้องหญิงที่ดี
ส่วนใหญ่เธอก็แต่งตัวเรียบร้อยดี
แต่ก็มีบางครั้งที่การแต่งตัวของเธอ
ไม่ได้เหมาะกับคริสเตียน 
คุณจำความหมายของคำว่า
“ความเข้าใจลึกซึ้ง” ได้ไหม?
คือ “มองให้ออกว่าทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น?”
พี่น้องหญิงบางคนแสดง
ความสนใจเธอเป็นส่วนตัว
เลยได้รู้ว่าเธอไม่ค่อยมีเงิน
และพ่อแม่ที่ไม่ได้อยู่ในความจริง
ก็ไม่ยอมซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ
ให้เธอไปประชุมและไปรับใช้
ในกรณีนี้เธอต้องได้รับคำแนะนำไหม? 
พี่น้องหญิงบางคนเลยรวบรวมเงิน
และพาเธอไปชอปปิง
ปกติแล้วการไปชอปปิงไม่ได้หมายความว่า
คุณมีความเข้าใจลึกซึ้งนะครับ
แต่ในกรณีนี้มันก็ใช่
จาก 2 ตัวอย่างนี้เราเห็นว่า
ในตอนแรกอาจดูเหมือนว่า
พี่น้องต้องได้รับคำแนะนำ
ในเรื่องการมาประชุมและการแต่งกาย
แต่การมองให้ออกว่าอะไร
คือสาเหตุของปัญหาจริงๆ
นี่จะช่วยให้เรามีความเข้าใจลึกซึ้ง
และช่วยพี่น้องได้จริงๆ 
ขอเสริมอีกนิดนะครับ
พี่น้องหญิงคนแรกก็มีคนมารับ
ไปประชุมเป็นประจำหลายปี
แล้วต่อมาสามีก็ช่วยเธอมากขึ้น 
และเริ่มสนใจในความจริง
แล้วพี่น้องหญิงคนที่ 2 
ครอบครัวของเธอก็เข้ามาในความจริง 
เราได้เรียนอะไรครับ?
เมื่อเราใช้เวลาแสดงความสนใจเป็นส่วนตัว
และแสดงความเข้าใจลึกซึ้ง
พี่น้องก็จะได้กำลังใจ
และพระยะโฮวาก็จะพอใจเรา 
ให้เรามาดูอีกแง่มุมหนึ่งที่ไม่ง่ายที่
จะแสดงความเข้าใจลึกซึ้ง
นี่เกี่ยวข้องกับมุมมองที่เรามีต่องาน
บางครั้งเราสนใจแต่งานของตัวเองมากไป
จนลืมไปว่างานของเราส่งผลกับคนอื่นยังไง
เราทุกคนไม่ว่าจะทำงานแผนกไหน
เราอยากทำงานมอบหมายของเราให้สำเร็จ
มันเป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการ 
และเราอยากตั้งใจทำ
มันก็ดีนะครับ
แต่บางครั้งเราต้อง
ไม่คิดถึงแต่งานของตัวเอง 
เราควรคิดด้วยว่า
งานของเราเกี่ยวข้องยังไง
กับเป้าหมายขององค์การ? 
คิดถึงความหมายอีกอย่างหนึ่ง
ของ “ความเข้าใจลึกซึ้ง” คือ
“กระบวนการคิดที่ซับซ้อนและเป็นระบบ”
นี่จะช่วยเราให้มีความรู้
ซึ่งจะสามารถทำให้เราลงมือทำอย่างฉลาด
และประสบความสำเร็จ
มันฟังดูเข้าใจยากใช่ไหมครับ?
“กระบวนการคิดที่ซับซ้อนและเป็นระบบ”
แต่จำไว้นะครับว่า
‘คนที่ได้รับหน้าที่รับผิดชอบมาก
ก็จะถูกคาดหมายมาก’ 
ดังนั้น การที่เราทำงานเสร็จ
ไม่ได้หมายความว่าเรา
ประสบความสำเร็จเสมอไป
ก็จริงที่เราต้องพยายามทำงานให้เสร็จ
แต่เราต้องช่วยคนอื่นหรือแผนกอื่นๆ
ให้ทำงานให้เสร็จด้วย
ถึงจะบอกได้ว่าเราประสบความสำเร็จ
นี่จะช่วยให้คนอื่นมั่นคงและเข้มแข็ง
ดังนั้น เราต้องมองสถานการณ์
ที่ซับซ้อนให้ออก 
แสดงความเข้าใจลึกซึ้ง 
และทำงานร่วมกันกับคนอื่นได้อย่างดี 
นี่จะช่วยให้เราทำงานได้สำเร็จ   
แล้วอะไรจะช่วยเราให้มีความเข้าใจลึกซึ้ง
เพื่อทำงานร่วมกับพี่น้องได้อย่างดี?
ให้เราดูด้วยกันที่ฟีลิปปี บท 2
เราจะอ่านที่ข้อ 3 และ 4
ฟีลิปปี 2:3-4
ที่นั่นบอกว่า
“อย่าทำอะไรด้วยน้ำใจชิงดีชิงเด่น 
หรือถือว่าตัวเองสำคัญ
แต่ให้ถ่อมตัวและมองว่าคนอื่นดีกว่าตัวเอง 
อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น
ให้เห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นด้วย” 
คำว่าเห็นแก่ประโยชน์หมายถึง
ประโยชน์ด้านความเชื่อ
แล้วอะไรจะช่วยให้เราเห็นแก่ประโยชน์
ด้านความเชื่อของคนอื่น?
ความถ่อมครับ
สนใจในงานที่คนอื่นทำ
มันเหมือนพระยะโฮวากำลังบอกเราว่า
เราควรมองว่างานของคนอื่น
หรือแผนกอื่นสำคัญกว่างานของเรา
เราดีใจที่พี่น้องในแผนกอื่นๆ
ก็คิดแบบเดียวกัน 
แล้วพอเราทำงานมอบหมายของเราเสร็จ
คิดดูสิครับ ถ้าเราทำงานของเราเสร็จ
แต่แผนกอื่นได้รับผลเสียจาก
วิธีการทำงานของเรา
พระยะโฮวาจะพอใจที่เราทำแบบนั้นไหม?
ทุกแผนกก็ทำเพื่อพระเจ้า
ถ้าเราขัดขวางงานของคนอื่น
ที่จริงเราขัดขวางใครอยู่ครับ?
นี่ก็น่าคิดนะครับ 
จำโมเสสตอนที่อยู่เมรีบาห์ได้ไหม?
เขาทำงานสำเร็จแต่พระเจ้าไม่พอใจ
บทเรียนคืออะไรครับ?
บางครั้งเราคิดไปเอง
ว่างานของเราสำคัญกว่า
ซับซ้อนและด่วนกว่า
แต่งานของคนอื่นเป็นงานง่ายๆ 
เวลาที่เราขออะไร พวกเขาก็ควรทำให้เรา
แต่ถ้าเราถ่อม
เราก็จะยอมร่วมมือ
และทำงานร่วมกันกับแผนกอื่น
คุยกันหาทางออกร่วมกัน 
การมี “ความเข้าใจลึกซึ้ง” ยังหมายถึง
การรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลด้วย
แต่ทุกวันนี้ผู้คนไม่ได้เป็นแบบนั้น 
แต่ผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องมีคุณลักษณะนี้ 
ถ้าเราคิดอย่างมีเหตุผล 
เราจะคุยกับคนอื่นอย่างชัดเจน
เพื่อให้เข้าใจตรงกัน 
สมมุติว่าคุณอยากได้ถังดับเพลิง
แต่คนอื่นไม่เข้าใจว่า
คุณอยากได้ถังอันใหม่
มาเปลี่ยนกับอันเก่าที่ใช้ไม่ได้แล้ว
หรือตอนนี้มีไฟไหม้
คนที่รู้จักคิดก็จะบอกว่ามีไฟไหม้
แล้วคนอื่นก็จะรีบเอาถังดับเพลิงมาให้
เห็นไหม? รายละเอียดสำคัญนะครับ
การสื่อความที่ดีเป็นส่วนหนึ่ง
ของความเข้าใจลึกซึ้ง 
ถ้าเราถ่อมตัวและมองว่า
งานของคนอื่นก็สำคัญ
มองว่าพวกเขาดีกว่าเรา
เราก็จะประสบความสำเร็จ 
ดังนั้นถ้าเราเอาบทเรียนนี้และ
บทเรียนแรกมารวมกัน 
คือให้เวลาและสนใจเป็นส่วนตัว 
เราก็จะทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดี 
แทนที่เราจะตัดสินใจไปเลย 
และหวังให้คนอื่นปรับตามเรา
เราควรวางแผนด้วยกัน
นี่จะช่วยเราให้เป็นหนึ่งเดียวกัน 
ความเป็นหนึ่งเดียวกันทำให้เรามั่นคง
และพระยะโฮวาพอใจคนที่ร่วมมือกันทำงาน
จำสดุดี 133:1 ได้ไหมครับ?
“เมื่อพี่น้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
ก็เป็นเรื่องดีและน่าชื่นชมจริงๆ” 
อีกแง่มุมหนึ่งที่เราต้องเสริมความมั่นคงก็คือ
ตอนที่มีการเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะเปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนที่รับใช้
เปลี่ยนงานมอบหมาย เปลี่ยนวิธีทำงาน 
หรือเมื่อมีการใช้เครื่องมือใหม่ๆ
พอมีการเปลี่ยนแปลง
เราอาจรู้สึกเครียดและกังวล
เป็นเรื่องปกติครับ 
ตอนนี้พวกคุณทุกคนก็กำลังเจอ
กับการเปลี่ยนแปลงอยู่
แล้วตอนที่มีการเปลี่ยนแปลง
เราจะช่วยคนอื่นให้มั่นคงได้ยังไง?
ตอนนี้ผมขอคุยกับพี่น้องชายนะครับ
บางครั้งคุณอาจมีส่วนในการตัดสินใจ
ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับคนอื่น
นี่เป็นความรับผิดชอบที่สำคัญมากจริงๆ 
คุณอยากให้พระยะโฮวาพอใจ
กับการตัดสินใจเหล่านั้น
การมีความเข้าใจลึกซึ้งจะทำให้คุณ
ช่วยพี่น้องให้มั่นคงเข้มแข็ง 
เมื่อเจอกับการปรับเปลี่ยน 
ยังไงครับ? 
ให้เราดูอิสยาห์บท 60
อิสยาห์บท 60
เราจะอ่านข้อ 17
“เราจะเอาทองคำมาแทนทองแดง
และเอาเงินมาแทนเหล็ก
เอาทองแดงมาแทนไม้
และเอาเหล็กมาแทนหิน
สังเกตตรงนี้นะครับ 
เราจะแต่งตั้งความสงบสุขให้เป็นผู้ดูแลเจ้า
และความถูกต้องชอบธรรม
ให้เป็นหัวหน้างานเจ้า” 
จากข้อนี้เรารู้ว่าพระยะโฮวา
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เราเห็นการเปลี่ยนแปลง
ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ไหม? 
ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นทุกอาทิตย์เลย
พระยะโฮวาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 
นั่นเป็นเรื่องดี 
แม้ทองแดงเป็นโลหะที่มีค่า 
แต่ทองก็ดีกว่า
เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่พระยะโฮวาทำ 
แต่บางครั้งการเปลี่ยนแปลงก็ทำให้เรากังวล
แต่ก็ไม่เป็นไรเราจะผ่านไปได้ 
ลองคิดถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้
ถ้ามีเครื่องพิมพ์ใหม่ที่พิมพ์หนังสือ
ได้เยอะขึ้น แต่ใช้คนน้อยลง
นี่ก็แสดงว่าจะมีบางคนที่
ต้องเปลี่ยนงานมอบหมาย
แล้วเราจะรับมือกับ
การเปลี่ยนแปลงได้ยังไง? 
แต่ข้อนี้พูดถึงผู้ดูแลยังไง?
“พระองค์จะแต่งตั้งความสงบสุขและ
ความถูกต้องชอบธรรมให้เป็นผู้ดูแล”
พูดอีกอย่างคือ
พวกคุณที่เป็นพี่น้องชาย
จะช่วยคนอื่นให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ 
เรารู้อะไรเกี่ยวกับความถูกต้องชอบธรรม
และวิธีที่พระองค์มองและดูแล
ผู้รับใช้ของพระองค์?
ที่ฮีบรู 6:10 ครับ
ฮีบรู 6:10
“พระเจ้าไม่ทำสิ่งชั่ว พระองค์จึง
ไม่มีวันลืมงานที่พวกคุณทำ
และความรักที่พวกคุณมีต่อชื่อของพระองค์
คือที่พวกคุณรับใช้พวกผู้บริสุทธิ์
และยังคงรับใช้อยู่”
ข้อนี้น่าสนใจ 
ถ้าพระองค์ลืมงานหนัก
ที่ผู้รับใช้ของพระองค์ทำ
ก็ถือว่าพระองค์ทำสิ่งชั่ว
‘แต่เรากำลังจะปรับเปลี่ยน
งานมอบหมายของเขานะ’
ถึงอย่างนั้น เราก็ไม่ควรลืมพี่น้อง
เมื่อทำการปรับเปลี่ยน
เพื่อเราจะไม่ทำสิ่งชั่ว
เมื่อมีการปรับเปลี่ยนให้ทองมาแทนทองแดง
เราต้องคิดถึงพี่น้องที่เคยรับใช้กับเรา
และงานหนักที่พวกเขาเคยทำ
เราต้องเห็นอกเห็นใจ
ตอนที่ทำการปรับเปลี่ยน
ในฐานะผู้ดูแลเราไม่ควรปิดหูปิดตา
และสนใจแต่งานของเราเท่านั้น 
เพื่อช่วยพี่น้องให้มั่นคงเข้มแข็ง
เราต้องรู้จักพวกเขา 
ขอผู้ดูแลถามตัวเองนะครับว่า
‘คุณจะออกจากห้องทำงาน
และพูดคุยกับพี่น้องบ้างได้ไหม?
คุณจะถามพี่น้องเกี่ยวกับ
ครอบครัวของพวกเขา
ปัญหาที่เขาเจอ 
หรือถามความเห็นของพวกเขาไหม?’ 
คุณจะพบว่าบางคนชอบ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น 
แต่บางคนก็ไม่ชอบ
คุณรู้ไหมว่าคนไหนรู้สึกยังไง?
และจะช่วยเขายังไง? 
นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะ
ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
พระยะโฮวาบอกว่าจะมี
การเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น 
แต่พระองค์จะไม่ลืมความรัก
และงานหนักที่ผู้รับใช้ของพระองค์ทำ
เราก็จะไม่ลืมงานหนักและความรัก
ของพี่น้องของเราด้วย 
เราจะช่วยพี่น้องให้รับมือกับการปรับเปลี่ยน
แล้วพระยะโฮวาจะพอใจเรา 
พี่น้องหญิงก็ช่วยเรื่องนี้ได้นะครับ
คุณเองก็อาจเจอการเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน 
ถ้าคุณคิดในแง่บวกและสนับสนุน
การปรับเปลี่ยน
คุณก็จะช่วยคนอื่นๆให้มั่นคงเข้มแข็ง
เมื่อคุณได้ยินเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยน
และเห็นสิ่งที่พี่น้องชายกำลังทำอยู่
ก็เสนอความคิดเห็นเพื่อช่วยเขาได้
และร่วมมือกับการปรับเปลี่ยนเหล่านั้น 
นี่คือบางแง่มุมที่ความเข้าใจลึกซึ้ง
จะช่วยให้พระยะโฮวาพอใจเรา
และช่วยเราให้เสริมความมั่นคง
เข้มแข็งให้กับคนอื่นได้
ให้แสดงความสนใจเป็นส่วนตัวและตั้งใจฟัง
ถ่อมตัวและมองว่างานของคนอื่น
สำคัญกว่างานของเรา
นี่จะทำให้มีบรรยากาศในการทำงานที่ดี
และเป็นหนึ่งเดียวกัน
และขอให้ช่วยพี่น้อง
ในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยน 
ความเข้าใจลึกซึ้งจะช่วยให้เราประสบ
ความสำเร็จในงานรับใช้พระยะโฮวา
และเราอยากให้พวกคุณทุกคน
ประสบความสำเร็จในงานมอบหมาย 
พระยะโฮวาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
หลายอย่างให้สำเร็จในสมัยสุดท้ายนี้ 
และเรามีสิทธิพิเศษรับใช้พระยะโฮวา
ในอุทยานโดยนัยที่ยอดเยี่ยม
เราอยากให้พวกคุณทุกคน
อยู่ในอุทยานนี้ต่อๆไป 
และอยากให้มีคนอีกมากมาย
เข้ามาร่วมกับเรา 
นักเรียนกิเลียด
ชั้นเรียนที่ 158 ที่รักทุกคนครับ 
คุณได้รับการฝึกอบรมและ
เรียนรู้หลายอย่างตอนอยู่ที่นี่
ขอคุณใช้โอกาสที่ยอดเยี่ยมที่คุณได้รับ
เพื่อช่วยเหลือและดูแล
พี่น้องชายหญิงของคุณ
เรารักคุณ 
เรามั่นใจว่าคุณจะแสดงความเข้าใจลึกซึ้ง 
และได้รับความพอใจ
จากพระยะโฮวาต่อๆไป 
ตอนนี้ถึงส่วนที่น่าตื่นเต้นของวันนี้แล้วครับ
คุณคงเห็นว่าเรามีซองจดหมายตั้งอยู่บนโต๊ะนี้
นี่ไม่ใช่ซองจดหมายธรรมดาๆนะครับ
ข้างในมีใบประกาศนียบัตรสำหรับ
นักเรียนที่รักของเราทุกคน 
และเมื่อพวกเขาได้รับแล้ว
เราจะไม่เรียกพวกเขาว่านักเรียนอีกต่อไป
แต่เราจะเรียกพวกเขาว่า
ผู้สำเร็จการศึกษาของโรงเรียนกิเลียด 
ตอนนี้เราจะให้พวกเขามาที่นี่
เพื่อมารับใบประกาศนียบัตรครับ 
คนแรกคือใครครับเดวิด? 
พี่น้องอาเบรอู
จะกลับไปที่สาขาโดมินิกัน รีพับบลิค 
ต่อไปพี่น้องเอเม
จะกลับไปที่สาขาเฮติ 
และพี่น้องอาลาโทเร
ได้รับมอบหมายให้ไปที่สาขาสหรัฐ 
คู่พี่น้องอาเรนซีเบีย
จะกลับไปที่สาขาสหรัฐ 
พี่น้องอารูลาปา
ถูกมอบหมายไปสาขาศรีลังกา 
คู่พี่น้องแบร์ริต
จะกลับไปที่สาขาไมโครนีเซีย
พี่น้องบุนดาวีซา
จะกลับไปที่สาขาโครเอเชีย 
คู่พี่น้องคารีโย
จะกลับไปที่สาขาเปรู 
คู่พี่น้องคานิล
จะกลับไปสาขาคองโกกินชาซา 
พี่น้องดัลแมน
จะกลับไปที่สาขายุโรปกลาง 
พี่น้องฟรองซ์ซัว
ถูกมอบหมายไปสาขาโมซัมบิก
พี่น้องโกวอมป์
จะกลับไปที่สาขาโปแลนด์ 
คู่พี่น้องแกรทริกซ์
ถูกมอบหมายไปสาขาญี่ปุ่น 
คู่พี่น้องฮาดัด
จะกลับไปที่สาขาปารากวัย 
คู่พี่น้องอีวาโก
จะกลับไปที่สาขาปาปัวนิวกินี
พี่น้องคัตซานโดเนส
จะกลับไปที่สาขากรีซ 
คู่พี่น้องคอค
จะกลับไปที่สาขาชิลี 
พี่น้องมาทัช
จะกลับไปที่สาขายุโรปกลาง 
คู่พี่น้องโมโม่
จะกลับไปที่สาขาแคเมอรูน 
พี่น้องมูโซนา
จะกลับไปที่สาขาซิมบับเว 
พี่น้องมูทามี
จะกลับไปที่สาขาแอฟริกาตะวันออก 
พี่น้องเอ็นไดอิซาบา
จะกลับไปที่สาขารวันดา 
พี่น้องเอ็นเจวา
จะกลับไปที่สาขามาลาวี 
พี่น้องออร์เทกา
จะกลับไปที่สาขาสเปน 
คู่พี่น้องปาฟลอฟ
จะกลับไปที่สาขาบัลแกเรีย 
คู่พี่น้องเพนาโด
จะกลับไปที่สาขาเวเนซุเอลา 
คู่พี่น้องพียาโลวิช 
จะกลับไปที่สาขาโครเอเชีย 
คู่พี่น้องเรมอนด์
จะกลับไปที่สาขาตรินิแดดและโตเบโก 
พี่น้องชีรีเนอร์
จะกลับไปที่สาขาตุรกี 
พี่น้องเซย์เคย์
จะกลับไปที่สาขาฮังการี 
คู่พี่น้องอูรีอาร์เต
จะกลับไปที่สาขาพม่า 
พี่น้องฟันเดอร์เฟน
ถูกมอบหมายไปสาขาคองโกกินชาซา 
พี่น้องวาชิโก
จะกลับไปที่สาขาแอฟริกาตะวันออก 
คู่พี่น้องโยควา
จะกลับไปที่สาขาไลบีเรีย 
มันน่าตื่นเต้นมากใช่ไหมครับ? 
งานของผมดูง่ายไปเลย
ผมจำได้ครั้งล่าสุดที่ผมเป็นประธาน
ในวันจบการศึกษาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว 
คือชั้นเรียนที่ 148
เป็นช่วงไม่นานก่อนการระบาดของโควิด
คุณคงจำได้ ตอนนั้นผมจับมือพี่น้องไม่ได้
ต้องแตะข้อศอกเท่านั้น
แต่ผมดีใจมากที่วันนี้ได้จับมือ
แสดงความยินดีกับนักเรียนที่รัก
ที่พวกเขาได้จบการศึกษาในวันนี้ 
นี่คือนักเรียนในชั้นเรียน 158 ครับ 
เห็นชัดเลยว่าทุกคนภูมิใจในตัวคุณ
และภูมิใจที่คุณทำสำเร็จแล้ว
เรามั่นใจว่าพวกคุณ
จะทำงานอย่างดีในอนาคต 
ตอนนี้ผมคิดว่าถึงเวลาต้องเชิญ
พี่น้องสินาด พียาโลวิช
ผมหวังว่าผมจะออกเสียงถูกนะครับ 
ผมเลยต้องให้พี่น้องเดวิดเป็นคนอ่านรายชื่อ
ตอนนี้ขอพี่น้องสินาด พียาโลวิช
อ่านจดหมายของชั้นเรียนครับ 
“ถึงคณะกรรมการปกครองที่รักทุกคน
หัวใจของพวกเราเต็มไปด้วย
ความซาบซึ้งและความรัก
พวกเราขอบคุณที่มีโอกาสได้เข้าโรงเรียนนี้ 
การต้อนรับอันอบอุ่นและ
ความรักที่มั่นคงของพวกคุณ
ประทับใจพวกเรามาก
เรารู้ว่าการได้รับการสอนจากพระยะโฮวา
เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก
เหมือนกับที่บอกไว้ในเอเฟซัส 3:20 ว่า
‘พระเจ้าทำทุกสิ่งได้มากกว่า
ที่เราจะขอหรือนึกออกได้’ 
“เมื่อเราได้เรียนในชั้นเรียน 
เราได้รู้จักพระยะโฮวา
และพระเยซูได้ดีขึ้นมาก
เราประทับใจมากจริงๆที่
เห็นชัดกว่าเมื่อก่อนว่า
พระองค์ทั้งสองรู้สึกยังไงกับมนุษย์
เราจะไม่มีวันสงสัยในความรักของพระองค์ 
และเราอยากจะแสดงความรัก
แบบนี้กับคนอื่นๆด้วย 
“การได้รับการสอนจากพระยะโฮวา
เป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมมาก
ครูผู้สอนของเราเป็นเหมือนกับพ่อ 
พวกเขาตั้งใจใช้คำของพระเจ้า
เพื่อเตรียมเราให้พร้อม
สำหรับงานมอบหมาย
ที่เราจะได้รับในอนาคต
เราได้เรียนหลายอย่างมากขึ้นด้วย
ตอนที่พวกคุณ
ที่เป็นคณะกรรมการปกครอง
สละเวลามาสอนเรา
ขอบคุณที่พวกคุณสนใจ
เราแต่ละคนเป็นส่วนตัว
และขอบคุณสำหรับงานหนักที่พวกคุณทำ 
“เรายังได้รับประโยชน์มากจากการสอน
ของผู้ช่วยคณะกรรมการปกครอง
และครูคนอื่นๆที่ได้รับเชิญมา
พระยะโฮวาใช้พี่น้องชายเหล่านี้
เพื่อสอนเราในแบบที่เข้าถึงใจ
และเราจะจดจำสิ่งที่ได้เรียนไปตลอด
นอกจากนั้นเรายังได้บทเรียน
ที่มีพลังจากนอกห้องเรียนด้วย 
ซึ่งมาจากความรัก ความใจกว้าง
และน้ำใจต้อนรับของครอบครัวเบเธลสหรัฐ
เราได้เห็นคุณลักษณะของพระยะโฮวา
จากสิ่งดีๆที่พวกคุณทำ
นี่กระตุ้นเราให้อยากทำทุกอย่างที่ทำได้
เพื่อทำให้พี่น้องรู้สึกอบอุ่นและได้รับ
ความรักเหมือนที่พวกเราได้รับ 
“เมื่อเราคิดถึงพรมากมายที่ได้รับนี้ 
เราอยากถามตัวเองด้วยคำถาม
ที่บันทึกไว้ในสดุดี 116:12 ที่ว่า
‘ผมจะทำอะไรเพื่อตอบแทนพระยะโฮวา
สำหรับสิ่งดีทุกอย่างที่พระองค์ทำให้ผม’
เหมือนที่ข้อนี้บอก
เราไม่สามารถตอบแทนพระยะโฮวาได้
แต่เราตั้งใจจะเลียนแบบเรเบคาห์ที่พูดว่า
เรายินดีไป
แม้ไม่ง่ายที่จะบอกลาเพื่อนๆ
ที่เรารักเหมือนครอบครัว 
แต่เราก็พร้อมแล้วที่จะทำตาม
ความประสงค์ของพระยะโฮวา 
พร้อมจะเอาบทเรียน
หลายอย่างที่ได้เรียนไปใช้
และทำงานให้สมกับที่พวกคุณไว้ใจเรา
ด้วยความรักและขอบคุณจากใจ
พี่น้องของคุณ
ชั้นเรียนที่ 158 ของโรงเรียนกิเลียด” 
นี่เป็นจดหมายที่ดีมากครับ
ก็สื่ออารมณ์ความรู้สึก
ของนักเรียนได้ดีมากครับ 
และคุณก็บอกว่าคุณมีความสุข
ที่อยู่กับเราตลอด 5 เดือน
และเราก็มีความสุขด้วย
และนี่เป็นการ“ให้กำลังใจกัน
ทั้ง 2 ฝ่าย” จริงๆ 
ตอนนี้ขอใช้เวลาอีกนิดหน่อย
ผมอยากให้คุณกลับไปดูที่มัทธิว 5:13
ที่พระเยซูบอกว่า
“คุณเป็นเหมือนเกลือในโลกนี้” 
และพวกคุณก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
และเราก็ได้คุยกันว่า
เกลือมีคุณสมบัติเพิ่มรสชาติ
เกลือช่วยฆ่าเชื้อโรค
และช่วยปกป้องรักษา
แต่ก็มีคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งที่เราจะคุยกัน
คือคุณค่าของมัน
มันมีค่ามาก 
ที่จริงหนังสืออินไซต์บอกว่า
“เกลือไม่ได้เป็นสิ่งที่หาได้ง่ายเสมอไป
มีการทำสงครามและ
การปฏิวัติเพื่อจะได้เกลือ
ในจีนสมัยโบราณเกลือมีค่ารองจากทองคำ
มีการขายภรรยาและลูกๆ
เป็นทาสเพื่อแลกกับเกลือ
ทหารของซีซาร์ได้รับเงินเพื่อซื้อเกลือ
ซึ่งเรียกว่า Salarium
ซึ่งกลายมาเป็นคำว่า ‘Salary’ 
ในภาษาอังกฤษ แปลว่าเงินเดือน” 
ถึงแม้ว่าเกลือจะหาได้ไม่ยาก
ในสมัยของพระเยซู
แต่ท่านรู้ประวัติศาสตร์
ท่านเลยรู้ว่ามันมีค่าขนาดไหนในอดีต
ในสมัยของพระเยซู 
เกลือก็หาได้ง่ายจากเนินเขา
ที่มีเกลือใกล้ๆทะเลตาย 
ซึ่งเกิดจากการระเหยของน้ำในทะเลตาย
ดูเหมือนว่าจะมีเกลือเยอะแยะเลยที่นั่น 
แต่เพราะพระเยซูรู้ประวัติของเกลือ
ท่านเลยรู้ว่าเกลือมีค่ามากแค่ไหน 
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะหาง่ายก็ตาม 
ท่านรู้ว่าเราสามารถเอาเกลือ
มาทำอะไรๆได้หลายอย่าง
เกลือยังมีค่ามากมาจนถึงทุกวันนี้ 
และอีกจุดหนึ่งที่ท่านคงจะรู้ด้วยก็คือ
ในร่างกายของมนุษย์ทุกคน
เฉลี่ยแล้วมีเกลือประมาณ 226 กรัม 
หรือประมาณ 2 ขีด
เนื่องจากท่านเป็น “นายช่าง”
ท่านสร้างทุกสิ่ง รวมทั้งมนุษย์ด้วย
ท่านก็คงต้องรู้ใช่ไหม?
เรามีเกลือประมาณ 2 ขีด
ในร่างกายของเรา 
ถ้าไม่มีเกลือเราก็จะตาย
ถ้าร่างกายเรามีเกลือแร่น้อยเกินไป
หรือได้รับเกลือแร่ไม่เพียงพอ
ก็จะทำให้คลื่นไส้ สับสน เป็นตะคริว
ชัก สมองบวม หมดสติ 
และถึงกับตายได้ 
ดังนั้นพระเยซูต้องรู้ข้อมูลเหล่านี้
เนื่องจากท่านเป็น “นายช่าง”
อยู่ข้างพระยะโฮวา
ท่านสร้างทุกสิ่งรวมถึงมนุษย์ด้วย 
ดังนั้นการเปรียบแบบนี้ 
พระเยซูกำลังชมคุณ
คุณมีค่า
พวกเราก็อยากบอกกับคุณอย่างนั้นด้วย
เรารักพวกคุณ
พวกคุณมีค่ามาก 
เรารักพวกคุณมากเพราะสิ่งที่
พวกคุณทำอยู่แล้วในตอนนี้
และเรามั่นใจว่าพวกคุณจะทำ
สิ่งดีๆอีกมากมายในอนาคต   
ตอนนี้ให้เรามาสรุปด้วยการอ่าน
คำอธิษฐานในกันดารวิถี 6:24-26 
“ขอให้พระยะโฮวาอวยพรและคุ้มครองคุณ
ขอให้พระยะโฮวาพอใจคุณ และทำดีกับคุณ
ขอให้พระยะโฮวามองดูคุณ
ด้วยความกรุณาและให้คุณมีสันติสุข” 
นี่เป็นคำอธิษฐานของเรา
เพื่อพวกคุณทุกคน
ผู้สำเร็จการศึกษาทั้ง 52 คน
ของชั้นเรียนที่ 158 
เรามั่นใจว่าผู้สำเร็จการศึกษาทุกคน
จะทำงานมอบหมาย
ของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม
อีกไม่นานคำบรรยายอื่นๆ
ในวันสำเร็จการศึกษา
จะมีให้ดูได้ในเว็บไซต์ jw.org
และแอป JW Library®
ก่อนจบรายการ
ให้เราไปเที่ยวที่ซิมบับเวกันครับ 
ประเทศนี้ไม่ติดกับทะเล
และมีภูมิอากาศแตกต่างกัน 3 แบบ
ที่ราบสูงตอนกลางมีอากาศอบอุ่น 
หุบเขาแซมเบซีร้อนและแห้งแล้ง 
และที่ราบสูงทางตะวันออกหนาวและมีฝนตก
ประเทศนี้ยังมีภาษาราชการ
หลายภาษา มีถึง 16 ภาษา 
มีการปลูกข้าวโพดทั่วประเทศ
และคนซิมบับเวก็เอามาทำอาหารหลากหลาย
พวกเขาเอามาต้ม เอามาย่าง
และเอามาหมักเป็นเครื่องดื่ม
ที่เรียกว่ามาเยวู
เมนูหนึ่งที่ขึ้นชื่อคือซาร์ดซา
คือข้าวโพดขาวที่ถูกนำมาบดจนเป็นแป้ง
แล้วนำไปเคี่ยวช้าๆจนกลายเป็นโจ๊กข้น
ปกติแล้วจะใช้มือในการกินซาร์ดซา
มันเข้ากันดีกับหลายเมนู 
เช่น เท้าวัว สเต๊ก 
และผักที่ราดด้วยซอสถั่วลิสง 
ความจริงเข้ามาในซิมบับเว
ประมาณปีคริสต์ศักราช 1920 
มีการนำสิ่งพิมพ์เข้ามาโดยคนงาน
ที่อพยพมาจากมาลาวีและแอฟริกาใต้
ไม่นานก็มีการตั้งกลุ่มการศึกษาขึ้น
หนึ่งในผู้ประกาศกลุ่มแรกก็คือ 
นาซอน มูคารุนดา
ซึ่งรับบัพติศมาในปี 1924
หลังจากนั้นไม่นาน
รัฐบาลก็ต่อต้านงานประกาศของเรา 
เพราะไม่อยากให้คนต่างเผ่ามาประชุมร่วมกัน
ในปี 1940 สิ่งพิมพ์ทุกอย่างของเราถูกสั่งห้าม
ถึงแม้จะถูกจับและต้องไปขึ้นศาล
พี่น้องของเราก็อดทน 
และ 6 ปีต่อมาคำสั่งห้ามก็ถูกยกเลิก 
ข่าวสารเรื่องรัฐบาล
ของพระเจ้าเติบโตอย่างมาก
จนกระทั่งเกิดสงครามในช่วงปี 1970
พี่น้องที่รักษาความเป็นกลาง
หลายคนต้องติดคุก
นี่คือคัมภีร์ไบเบิลฉบับที่พี่น้องส่งต่อ
ให้กันและกันตอนอยู่ในคุก
น่าดีใจ 
เป็นเวลาหลาย 10 ปีแล้ว
ที่ประชาคมต่างๆสามารถ
นมัสการพระเจ้าได้อย่างอิสระ
ตอนนี้มีผู้ประกาศถึง 50,000 คน
กำลังนำการศึกษามากกว่า 103,000 ราย 
ประชาคมหนึ่งที่กระตือรือร้นอย่างมากก็คือ
ประชาคมวอเตอร์ฟอล ในเมืองฮาราเร 
พวกเขาประชุมกันในหอประชุม
แห่งแรกที่ถูกสร้างขึ้นในประเทศ
ประชาคมนี้นำการศึกษาประมาณ 200 ราย
พี่น้องของเรามีอะไรบางอย่าง
อยากจะพูดกับคุณครับ
นี่คือภาษาโชนา ความหมายคือ
“สบายดีไหม? พวกเรารักคุณทุกคน” 
และเราอยากส่งความรัก
ให้กับพวกคุณทุกคนด้วย
นี่คือรายการโทรทัศน์ JW
จากสำนักงานใหญ่ของพยานพระยะโฮวา